CHAPTER 13
“อะ อื้อ อะอ๊ะ..” เสียงหวานร้องครางเมื่อเรียวลิ้นร้อนเล็มเลียไปตามแก่นกลางของเขา มือเล็กเอื้อมมาจิกผมอีกฝ่ายแน่นเพื่อใช้ระบายอารมณ์เสียวซ่าน สายตาเรียวเล็กก้มลงมองคนตัวหนาที่อาสาช่วยปลดปล่อยให้กับเขา และภาพที่เห็นก็ทำให้ใบหน้ากลมแดงก่ำ ใจเต้นแรงจนได้ยินสะท้อนก้องอยู่ในหัว
คังอินอมแก่นกายเล็กเข้าไปในปากแล้วขยับรูดขึ้นลงเนิบนาบ ก่อนเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อสะโพกมนตอบสนอง สองมือจับต้นขาเรียวเอาไว้แล้วดันออกกว้าง ไม่นานร่างเล็กก็ปลดปล่อยเข้าเต็มปากของเขา คนตัวหนาไม่ได้นึกรังเกียจอะไรและกลืนมันลงไปอย่างยินดี เขามองจงอุนที่นั่งใบหน้าแดงก่ำหายใจเหนื่อยหอบ รอยยิ้มกว้างผุดขึ้น ริมฝีปากหยักก้มลงครอบครองเม็ดไตสีสวยซึ่งแข็งขืนขึ้นมาตามแรงอารมณ์
ในการมีอะไรกันคราวนี้คังอินพยายามระมัดระวังไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว เขาอยากให้มันเป็นเซ็กส์ที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความรัก ไม่ใช่มีแต่แรงอารมณ์พาไปแบบครั้งก่อนๆ
“อา…คุ คุณคังอิน” เสียงหวานเรียกก่อนแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสวาบหวาม มือเล็กจิกบนแผ่นหลังอีกฝ่าย ดวงตาเรียวเล็กปรือฉ่ำไปด้วยน้ำ แก้มขึ้นสีแดงเข้ม ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน ก่อนต้องปล่อยเสียงครางออกมาเมื่อคนตัวหนาใช้ปลายลิ้นดุนดันเม็ดทับทิมบนอกของเขา
ริมฝีปากหยักดูดดึงผิวกายขาวนวลจนเกิดเป็นรอยรักสีกุหลาบเข้ม เขาไม่ได้ทำไว้แค่จุดเดียว แต่ยังดูดดึงผิวกายเนียนจนแผ่นอกและหน้าท้องแบนราบมีแต่รอยรัก
“ไม่ต้องเกร็งนะคนดี เดี๋ยวจะเจ็บนะครับ”
“อื้อ…อ๊ะ คุ คุณคังอิน” จงอุนร้องเบาๆ เมื่อริมฝีปากอุ่นเล็มเลียใบหูจนรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนจมูกโด่งจะคลอเคลียอยู่บนลำคอระหงษ์แล้วไล้ลงมาบนตัว คังอินกดจูบย้ำรอยรักอีกครั้งแล้วเลื่อนลงไปดูดเม้มต้นขาด้านในเรียกเสียงครางออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่นานคนตัวหนาก็ยืดตัวขึ้นก่อนแยกท่อนขาอีกฝ่ายออกกว้างกว่าเดิม เขาค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปด้านในช่องทางสีหวานแสนคุ้นเคย จากนั้นก็ทิ้งมันเอาไว้สักพักเพื่อให้คนตัวเล็กปรับตัว
ความร้อนระอุภายในทำเอาคังอินแทบคลั่งแต่เขาต้องยั้งใจ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บและรู้สึกไม่ดีกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ เขาอยากให้จงอุนรู้สึกร้อนรุ่มและวาบหวามไปพร้อมกับเขา ไม่นานคนตัวหนาก็ส่งนิ้วที่สองและสามตามเข้าไป เขาขยับมันเข้าออกเนิบนาบ ในหัวคิดแผนแกล้งคนหน้าแดงก่ำที่บิดเร่าไปมาและได้แต่ส่งเสียงครางเสนาะหู
“อยากให้ฉันเข้าไปหรือเปล่า”
“…อ๊ะ อื้อ ถะ…ถามอะไรน่ะครับ” จงอุนตอบเสียงอ้อมแอ้ม ดวงตาหลบไปมองทางอื่น คังอินหัวเราะน้อยๆ แล้วควานหาจุดกระสันก่อนกดมันลงไปเบาๆ เพื่อเรียกให้อีกคนหันมามอง
“อ๊า!…ผม เสียว อื้อ…อย่าแกล้งผม เลยนะ” จงอุนร้องขอแต่คังอินส่ายหน้าไปมา เขายิ้มกว้างแล้วเอ่ยถาม “ตอบมาก่อนสิว่าอยากให้ฉันเข้าไปหรือเปล่า”
“หยะ…อยาก” สุดท้ายจงอุนก็ทนไม่ไหวเมื่อร่างกายมันร้อนรุ่มขึ้นทุกที “คุณคัง…”
ริมฝีปากอิ่มถูกปิด ลิ้นร้อนสอดเข้าทำหน้าที่ของมันอย่างชำนาญ จากนั้นคังอินก็ผละออกมาแล้วสบสายตาหวานเยิ้ม เขายังคงวนนิ้วอยู่ในช่องทางสีสวย
“อ้อนก่อนแล้วจะทำตาม”
“…” จงอุนเงียบ แล้วต้องสะดุ้งเมื่อนิ้วทั้งสามขยับเร็วขึ้นจนเขาสติกระเจิง สุดท้ายริมฝีปากอิ่มก็เผยอขึ้นอ้อนเสียงพร่า “ช่วยผม…นะ ยองอุน”
นิ้วทั้งสามถูกถอนออกไปกลายเป็นสิ่งใหม่ซึ่งแข็งขืนและใหญ่กว่าเข้ามาแทนที่ คนตัวเล็กนิ่วหน้าด้วยความเจ็บทำให้คังอินต้องหยุดสอดใส่แก่นกายของตน เขาก้มลงไปจูบขมับคนตัวเล็กก่อนเลื่อนไปประกบริมฝีปากอิ่ม ส่งลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความเย้ายวนตรึงใจภายใน ไล่เก็บเกี่ยวทุกความหวานคล้ายน้ำผึ้งมาเป็นของตนเอง ก่อนถอนริมฝีปากออกมาเมื่อคนตัวเล็กร้องท้วง แล้วในที่สุดคังอินก็แทรกความเป็นชายเข้าไปในได้จนสุดทาง
“ฮึก…จะ เจ็บ ผมเจ็บ…อือออ” ริมฝีปากอิ่มถูกปิดอีกครั้ง มือหนายกขึ้นกดคลึงตุ่มไตบนอกขาว ความวาบหวามเข้าแทนที่ความปวดร้าว จงอุนเผลอไผลไปตามรสสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้และตกอยู่ในห้วงภวังค์ความเสียวซ่านนั้น ในหัวสมองขาวโพลนไร้ซึ่งสติอีกต่อไป ปล่อยตัวปล่อยใจให้ร่างกายตอบรับอีกฝ่ายไปตามสัญชาตญาณ
คังอินเริ่มขยับเข้าออกเมื่อร่างเล็กผ่อนคลายแล้ว เขายึดสะโพกมนเอาไว้แน่นก่อนกระแทกกระทั้นแล้วหลุดครางออกมาเนื่องจากความคับแน่นและแรงตอดรัดจากอีกฝ่าย คนตัวหนายั้งใจไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขาถอนแก่นกายตัวเองออกก่อนกระแทกกลับเข้าไปใหม่ หลายต่อหลายครั้งจนคนตัวเล็กตัวสั่นคลอนไปตามแรง เขาโอบเอาร่างของจงอุนมากอดทำให้แผ่นอกทั้งคู่เบียดกัน เสียงหายใจปนไปกับเสียงครางอย่างสุขสม
ในที่สุดคังอินก็ปลดปล่อยเข้าไปในร่างคนตัวเล็ก พร้อมกันกับจงอุนที่ปลดปล่อยน้ำรักของตัวเองออกมาเปรอะบนหน้าท้องของเขา
ร่างเล็กล้มลงไปนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน มือหนาของคังอินเอื้อมไปแตะมุมปากซึ่งมีรอยช้ำแผ่วเบา ดวงตาคมวาวโรจน์เพราะความโกรธที่เขาปกป้องคนตัวเล็กไม่ได้
“ขอโทษนะที่ฉันปกป้องนายจากซีวอนไม่ได้ ขอโทษที่ทำให้นายต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้น ต่อไปนี้ฉันสัญญาว่าจะดูแลนายและปกป้องนายให้ดีที่สุด เชื่อใจฉันนะจงอุน”
“ครับ” จงอุนตอบรับเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม “ผมเชื่อใจคุณ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้จงอุนตอบรับไปแบบนั้น เขาลืมทุกความกลัวและความน้อยเนื้อต่ำใจไปจนสิ้น เสียงหัวใจของเขาเต้นระส่ำเมื่อคนตัวหนาก้มลงจูบเป็นการยืนยันสัญญา ก่อนเขาจะโดนพลิกตัวให้ขึ้นคร่อมตัวคังอิน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนริมฝีปากหนา
“อีกรอบแล้วกันนะคนดี”
คังอินนอนมองคนตัวเล็กในอ้อมแขนที่ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน มือหนาเกลี่ยปรกผมอีกฝ่ายเล่นไปมาเบาๆ เพราะกลัวไปรบกวนคนตัวเล็กที่กำลังหลับฝันดี ท่อนแขนแกร่งรั้งคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่นขึ้นแสดงความเป็นเจ้าของ เขาจูบลงบนหน้าผากมนแผ่วเบาแล้วแกล้งหลับเมื่อคนตัวเล็กเหยียดกายพร้อมปรือตา
จงอุนกระพริบตาปริบปรับสายตาให้ชินแสง เขามองแผงอกแกร่งตรงหน้าก่อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้น ใบหน้ากลมแดงและร้อนผ่าวขึ้นทันที เขาซุกหน้าลงกับมันเพื่อซ่อนความเขิน แต่ต้องเขินเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจของอีกคนชัดเจน
ให้ตายสิ สถานการณ์แบบนี้มันแย่ที่สุดเลย เขินจนใจเต้นแรงไปหมดแล้ว
สุดท้ายจงอุนก็ได้แต่นอนใจเต้นแรงอยู่คนเดียว เขาเงยหน้ามองใบหน้ายามหลับของคังอินอย่างพิจารณา เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้นอนมองใบหน้าคมชัดๆ และใกล้ขนาดนี้ มือเล็กเอื้อมขึ้นแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาแล้วยืดตัวขึ้นมองให้เต็มตา เขาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้แล้วต้องสะดุ้งโหยงเมื่อดวงตาคมลืมขึ้นแล้วรั้งท้ายทอยของเขาเอาไว้ จากนั้นริมฝีปากหยักก็ทาบทับลงมาแนบแน่น อ่อนหวานและอ่อนโยนทว่าดุดัน
“มาปลุกกันได้ไง” วงแขนแกร่งโอบเอวคนตัวเล็กเข้าไปใกล้ก่อนซุกหน้าลงกับแผ่นอกบาง “ยังง่วงอยู่เลย”
“ผมขอโทษครับ คุณคังอินนอนต่อเถอะครับ”
“ไม่เอาอ่ะ นอนมองจงอุนแบบนี้ดีกว่าเยอะ ว่ามะ”
จงอุนพยายามดันร่างหนาให้ล้มลงไปนอนแต่อีกฝ่ายกลับพลิกคร่อมเขา ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างเพราะความตกใจ หัวใจเต้นระรัว คังอินคนเดิมที่เคยใจดีกับเขากลับมาแล้ว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรทำแค่นอนหน้าแดง คังอินก็โน้มตัวลงไปจูบมุมปากแผ่วเบาแล้วผละขึ้นมามองใบหน้าหวาน เขายิ้มกว้างขำกับแก้มซาลาเปาซึ่งแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุด คังอินก้มลงหมายจะเริ่มบทรักอีกครั้งแต่ต้องชะงักเมื่อประตูห้องถูกถีบออกดังผัวะ!!
“สวัสดีจงอุน พี่ฮีชอลคนสวยมาเยี่ยมนายล่ะ~~~~~~~~~~”
“(-____________________-*)”
ฮีชอลอ้าปากค้างเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นน้องชายตัวดีขึ้นคร่อมร่างของจงอุนอยู่ ข้าวกล่องที่ตั้งใจทำมาเยี่ยมหล่นลงกระแทกพื้น ก่อนสองมือซึ่งกางนิ้วออกจะยกขึ้นปิดหน้า
คังอินรีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวของเขาและจงอุน(ที่มุดอยู่ใต้ผ้าห่ม)ทันที เขาตวัดตามองฮีชอลแล้วหยิบปืนบนหัวเตียงขึ้นมาจ่อตรงไปทางแขกไม่ได้รับเชิญ
“อีกสองชั่วโมงเราจะออกไปหาเอง ออกไปได้แล้วไอ้พี่บ้า”
“ไปกันเถอะฮีชอล” อีทึกพูดจบก็ก้มลงเก็บข้าวของมาถือดังเดิมแล้วลากแฟนตัวดีออกไปจากห้องของคังอินและจงอุนทันที เขากลัวว่าจะเป็นพ่อหม้ายไปก่อนน่ะสิ…
ฮีชอลนั่งมองหน้าน้องชายตัวดีซึ่งกินเอาๆ เหมือนไปอดอยากจากไหนมา สงสัยจะใช้แรงเยอะสิท่าถึงได้จกได้จกดีแบบนี้ เขาจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อคังอินไม่ยอมให้เขาเจอจงอุน ว่าจะมาชวนทำแพนเค้กหอยแมลงภู่ของขึ้นชื่อของคังวอนโดซะหน่อย ชิ
“แล้วทำไมฉันถึงเจอจงอุนไม่ได้”
“เพราะว่าจงอุนต้องพักผ่อนไงครับ”
“ทำเขาเดินไม่ได้มากกว่าล่ะสิ โด่ยเอ้ย”
แผละ…
คังอินหยิบไข่เจียวปาใส่หน้าฮีชอล คนโดนกระทำได้แต่โมโหแต่ทำไรไม่ได้เมื่ออีทึกนั่งจ้องอยู่ เขาจึงไปลงที่ไข่เจียวซึ่งนั่งทอดอย่างดีเมื่อเช้าแทน มือเพรียวบางหยิบมันขึ้นมากัดเข้าปากแรงๆ
“เมื่อวานซีวอนจับตัวจงอุนไป ดีนะผมให้เขาใส่สูทที่ติดGPSเอาไว้ไม่งั้นป่านนี้เจ้าตัวเล็กจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
“แล้วทำไมนายถึงปล่อยเขาไว้คนเดียว!” ฮีชอลตะโกนถามอีกคนเสียงจริงจัง “ถ้าจงอุนเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“เพราะงั้นผมถึงให้พี่พบเขาตอนนี้ไม่ได้ พี่อีทึกครับช่วยเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนจงอุนทีนะครับ ไว้อีกยี่สิบนาทีแล้วพี่พาเขามาพบผมทีนะครับ”
“ได้สิ งั้นฉันไปดูน้องก่อนนะฮีชอล”
อีทึกรับคำพลางลุกขึ้นตบบ่าคนรักเบาๆ คนตัวสูงโปร่งเดินตรงไปยังห้องนอนของจงอุน เมื่อคังอินเห็นว่าอีทึกเดินเข้าไปในห้องแล้วเขาก็หันมานั่งหน้าเครียดมองหน้าฮีชอล พี่ชายของเขาเองก็เครียดไม่แพ้กัน ฮีชอลรู้ว่าทำไมคังอินถึงไม่ให้เขาพบจงอุน คงมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกันสองคนสินะ
“ถ้าพรรคอื่นที่เป็นศัตรูกับนายรู้ว่าเจ้าเด็กนั่นคือคนที่หัวหน้าพรรคมังโลการักจนจะเป็นจะตายล่ะก็ พวกมันต้องหาทางมาจับตัวจงอุนไปอีกแน่ ตอนนี้จงอุนตกอยู่ในอันตรายแล้วนะยองอุน”
“ผมรู้ครับพี่ ผมกำลังคิดหาวิธีซ่อนตัวเขาอยู่ คงต้องดูแลกันเป็นอย่างดีแล้วให้คนตามติดทุกฝีก้าว แล้วค่อยอธิบายให้เขาฟังว่าเพราะอะไรเราถึงต้องทำแบบนั้น”
“เขายังไม่รู้เหรอไงว่านายเป็นมาเฟีย?”
“ยังครับ เขาคงคิดว่าผมเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ล่ะมั้ง เอาไว้ค่อยบอกเขาก็ได้ ตอนนี้ผมมีหน้าที่ต้องปกป้องเขา ผมจะไม่ยอมให้เขาโดนลักพาตัวได้อีก”
คังอินกำหมัดแน่นแล้วทุบลงบนโต๊ะเสียงดัง เขาขบฟันแน่นเพราะความโมโห ใบหน้าหล่อเหลามองสีหน้าของฮีชอลซึ่งจริงจังไม่แพ้กัน มือของพี่ชายเอื้อมมาจับมือของเขาเอาไว้ก่อนตบบนหลังมือเบาๆ
“ฉันจะสั่งให้ลูกน้องคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้อีกแรง แล้วก็จะไปกระจายข่าวให้พรรคในเครือช่วยอีกที นายไม่ต้องห่วงนะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับพี่” คังอินกุมมือพี่ชายแน่น “ผมฝากให้พี่ช่วยสืบเรื่องของคยูฮยอนได้มั๊ย”
“ได้สิ ฉันก็พยายามสืบอยู่ ไว้มีความคืบหน้ายังไงแล้วจะไปบอกแล้วกันนะ”
คังอินพยักหน้ารับก่อนผละมือออกจากฮีชอลเมื่อเห็นเดินจงอุนออกมาจากห้อง ใบหน้ากลมสดใสร่าเริงเหมือนช่วงแรกที่อยู่ด้วยกัน คนตัวหนาเดินไปพยุงคนทำงานหนักทั้งคืน(?)แล้วรีบพาไปหาอะไรกินกันข้างนอกทันที
“คุณคังอินครับ เอ่อ…คือ ทำไมต้องพาผมมาทานอาหารที่นี่ด้วยล่ะครับ”
“ก็ทำไมอ่ะ? ก็ฉันอยากกินสเต็กกับนายนี่นา”
คังอินพูดจบก็ตัดเนื้อสเต็กแซลม่อนในจานจ่อปากจงอุน คนตัวเล็กมีท่าทีลำบากใจแต่ต้องยอมกินมันลงไปเมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนแกมบังคับของคังอิน คนตัวเล็กเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วนั่งกินอาหารเช้าของวันจากการป้อนของคังอินไม่หยุด
คนตัวหนายิ้มกว้างมองคนตัวเล็กที่นั่งกินอาหารเหมือนเด็กน้อย เขาเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากให้อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่ามันเปื้อน จากนั้นก็จิ้มเนื้อแซลม่อนป้อนต่อ เขานั่งกินอาหารมื้อเช้ากับจงอุนอย่างมีความสุขในโรงแรมหรู ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างดีจากบอดี้การ์ดจำนวนสี่สิบคนซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นพรรคในเครือของเขาเอง นี่แหละที่ทำให้จงอุนลำบากใจน่ะ…
24/01/2015
อย่าลืมกลับไปเม้นที่ http://my.dek-d.com/yeyehkung/writer/view.php?id=1280419 นะคะ :3