[Henry C. x Ben A.] Destiny

Title: Destiny

Pairing: Henry C. x Ben A.

Author: SaRa_PAO

Genre: ABO verse

Rate: R-18

Note: รีเควสต์โดยคุณ Meen ค่ะ ขอบคุณที่มาร่วมสนุกกันนะคะ ❤

rybenficpic

 

เรื่องมันเริ่มต้นที่ตรงไหนเฮนรี่เองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน อาจจะเป็นตั้งแต่ก่อนเขาเกิดล่ะมั้ง

โลกใบนี้มีไม่ได้มีแค่เพศเดียว แต่ยังมีเพศที่สองซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทอยู่ด้วย อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า

สมัยก่อนอัลฟ่าคือผู้นำชั้นสูงที่มีพละกำลังและอำนาจมากมาย ขีดเส้นใต้เน้นๆ ตรงคำว่าอำนาจมากมายเอาไว้ เป็นชนชั้นซึ่งอยู่เหนือสุดและมีหน้าที่ปกครองกับปกป้องเหล่าเบต้าและโอเมก้า ทว่าวันหนึ่งเมื่อความอดทนที่ถูกกดขี่มานานของเหล่าโอเมก้าและเบต้าบางส่วนสิ้นสุดลง การประท้วงก็เกิดขึ้นไปทั่วทุกที่ ตามมาด้วยการรบราฆ่าฟัน สงครามแย่งเก้าอี้กษัตริย์ ส่วนตอนจบ เหล่าโอเมก้ายึดอำนาจได้สำเร็จและตีตราให้พวกอัลฟ่าเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยซึ่งทำได้แค่รอคอยการปกป้องเท่านั้น

สรุปก็คือ ฐานอำนาจของโอเมก้าและอัลฟ่าสลับกันแล้ว

เฮนรี่ไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์จริงๆ เป็นยังไง เขารู้มาจากคำบอกเล่าและหนังสือประวัติศาสตร์ที่เคยอ่านที่หอสมุดเก่ารกร้างใกล้กับโบสถ์ต้องห้ามเท่านั้น สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจและคิดว่ามันเป็นจริงแน่ๆ ก็คืออัลฟ่าเป็นชนกลุ่มน้อยซึ่งต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไปวันๆ

ชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าเหม่อมองออกไปนอกกรงขังขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งสร้างให้ใหญ่พอบรรจุนักโทษเป็นคนๆ ได้ ภายในโกดังเก็บทาสเพื่อถูกนำไปขายในวันรุ่งขึ้นจะว่ายังมีโชคดีอยู่ก็ว่าได้ เฮนรี่ได้กรงขังชั้นบนสุดซึ่งอยู่ใกล้กับกรงซี่ที่สามารถมองออกไปเห็นท้องฟ้า วิวข้างนอกช่างสวยงามกว่าในนี้นัก อย่างน้อยมันก็พอทำให้เขาเพ้อฝันถึงอิสรภาพและเติมเต็มจินตนาการในหัวให้ทนมีชีวิตรอดต่อ

แกร๊ง!

เสียงเหล็กกระทบกันเรียกความสนใจของเฮนรี่ให้หันกลับไปยังต้นเสียง ห้องเก็บทาสถูกปกคลุมไปด้วยแสงไฟสีเหลืองนวลจากตะเกียง คนที่ถืออยู่คือเบต้ากลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นนายหน้าค้าทาสและลูกน้องของมัน แต่ข้างกายของชายถือตะเกียงกลับไม่ใช่เบต้า เป็นโอเมก้าซึ่งมีกลิ่นหอมหวานจนทำใจของเขาเต้นระรัว ได้ยินเสียงตึกตักดังก้องอยู่ในหัว ร่างกายเกิดปฏิริยาบางอย่างซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร

ที่แน่ชัดรู้เพียงว่าเขาอยากกัดลำคอโอเมก้าคนนี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

“นายท่านจะซื้ออัลฟ่าชั้นดีตัวไหนไป…”

“ชายที่อยู่ใกล้กับซี่กรงหน้าต่างตรงนั้น”

เสียงทุ้มก้องอย่างผู้มีอำนาจเอ่ยออกมาได้อย่างง่ายดาย พร้อมสายตาที่มองมายังเฮนรี่มันทำเอาตัวของเขาร้อนวูบวาบไปหมด กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ แม้จะไม่เห็นใบหน้าและรูปร่างชัดเจนด้วยสองเหตุผลที่ว่าอยู่ไกลเกินระยะสายตา กับอีกฝ่ายสวมหมวกคลุมและชุดคลุมปกปิดตัวเอง แต่เขาก็มีปฏิกิริยาชัดเจนกว่าเมื่อครู่ เหงื่อเริ่มผุดซึมขึ้นบนหน้าผากและฝ่ามือ ภาพการร่วมเพศกับโอเมก้าปริศนาที่กำลังจะซื้อตัวเขาแวบไปมาอยู่ในหัว

เฮนรี่เกือบจะคำรามอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าส่วนหนึ่งของร่างกายมันยังเชื่อฟังคำสั่งอยู่ สติยังไม่จากเขาไปไหน และนี่ถือว่าดีมาก

“ชาย… โอ้ นายท่านตาถึงมากครับ บุตรชายเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลคาวิลล์ที่เป็นแม่ทัพกองอัศวินเมื่อครั้นสงครามยึดอำนาจของเหล่าโอเมก้า” นายหน้าค้าทาสเกริ่นพลางมองไปยังเฮนรี่ “อนิจจาที่พ่อกลับต้องมาตาย บ้านก็ถูกยึด สุดท้ายแม่เลยเครียดจนเป็นบ้า หากว่าตอนนั้นผมไม่ผ่านทางไปและยื่นมือเข้าไปช่วยเด็กนี่…”

นายหน้าค้าทาสหยุดพูดทันทีเมื่อเห็นโอเมก้ายกมือขึ้น

“เราอยากเห็นเขาชัดๆ พาลงมาให้ดูสินค้าที”

สินค้างั้นเหรอ เฮนรี่ฉุนกึกทันทีเมื่อได้ยินโอเมก้าเรียกอย่างนั้น โกรธเสียยิ่งกว่าตอนถูกนายหน้าค้าทาสเล่าประวัติมั่วๆ เสียอีก

แต่พูดยังไม่ทันจบดี ชายเบต้าร่างใหญ่กว่าเขาสองคนก็เดินมายังกรงและไขกุญแจเพื่อพาเขาลงไปชั้นล่าง ทั้งสองคนจับโซ่ที่เชื่อมระหว่างตรวนสองข้างไว้แน่น แล้วลากให้เดินตามมันไปจนมาหยุดยืนเว้นระยะห่างกับโอเมก้าซึ่งกำลังตัดสินใจจะซื้อตัวเขา

อยู่ไกลๆ ก็ว่าหอมจนอยากจะกินทั้งตัวแล้ว พอได้เข้ามาใกล้ๆ กลับยิ่งรู้สึกชัดกว่าเดิม มันไม่ใช่ความหอมหวานชวนเลี่ยน แต่เป็นอะไรที่จะกระตุ้นทุกประสาทสัมผัสให้ตื่นตัว โดยเฉพาะความหิวกระหายที่เขาพยายามกดมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด

ชายสองคนยังยืนอยู่ด้านหลังเพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาจะไม่คิดหนี

ไม่หรอก ยังไม่ใช่ตอนนี้

เฮนรี่มองโอเมก้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เขามองกลับเข้าไปในแววตาสีโศกซึ่งเต็มไปด้วยความอ้างว้าง แม้จะอยู่ใต้หมวกคลุมแต่เขาก็เห็นมันได้ชัดเจนจนแวบหนึ่งอดสงสารชายผู้นี้ขึ้นมาไม่ได้ แล้วพอตระหนักได้ว่าสถานภาพของตัวเองน่าเวทนากว่าชายผู้นี้มากนัก เขาก็นึกบ่นตัวเองในใจ

“เจ้าชื่ออะไร”

“คนขายเขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ไอ้เด็กเวรนี่!”

“ไม่เป็นไร เราเข้าใจว่าการอยู่ในที่แบบนี้เขาคงไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดีนัก”

เส้นข้างขมับของเฮนรี่กระตุกเมื่อโดนด่ากลับด้วยคำสุภาพ เขาจ้องเขม็งไปยังคนที่อมยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยถามประโยคเดิม

“เจ้าชื่ออะไร”

“เฮนรี่ คาวิลล์”

ไม่มีอะไรตอบกลับมา โอเมก้าแค่เดินเข้ามาใกล้มากขึ้น นิ้วเรียวยาวจับคางของเขาเชยขึ้น ขยับไปมาราวกับกำลังตรวจหาจุดบกพร่องของสินค้า และนี่มันทำเขาหัวเสียจนต้องสูดหายใจเข้าลึกอย่างอดกลั้น

“ช่วยอะไรเราสักอย่างได้หรือไม่” เฮนรี่ปรายตามองคนที่เขยิบมากระซิบข้างหู เขาครางเสียงต่ำตอบกลับในลำคอ “มาทำลูกกับเราที”

เฮนรี่ถึงกับสำลักน้ำลายจนไอโขลกๆ มองโอเมก้าที่ขยับตัวออกไปแล้วหันไปหานายหน้าค้าทาส ทั้งสองคุยอะไรกันสักอย่างแต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องค่าตัวของเขาแน่ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือคำพูดของชายแปลกหน้าคนนี้ ที่ว่าให้เขาไปทำลูกด้วยนั่นมันคำขอความช่วยเหลือแบบไหนกัน ไม่สิ ต้องถามว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะต่างหาก ทางเดียวที่จะรู้ได้คือการถามเค้นคำตอบจากคนชั้นสูงตรงหน้าเท่านั้น

“เราตัดสินใจเลือกอัลฟ่าผู้นี้”

“เจอคนที่ถูกใจก็ถือว่าดีแล้ว แต่ว่าลูกชายของตระกูลคาวิลล์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นคนใหญ่คนโตย่อมต้องแปลว่าถูกประคบประหงม เขาก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์แย่ ผิวพรรณก็ดี ร่างกายกำยำสมส่วนเหมาะเป็นพ่อพันธุ์ ราคาที่ผมเคยเสนอไปเห็นทีคงจะต้องเพิ่มอีกเสียหน่อย”

เฮนรี่งงไปเลยว่านายหน้าค้าทาสมันกล้าเรียกร้องขอเงินเพิ่มได้ยังไง แม้แต่โอเมก้ายังประหลาดใจเกินกว่าจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ เสียงหัวเราะของนายหน้าค้าทาสน่าขนลุกและชวนให้อยากโดดถีบสักที

“จากทองหนึ่งหีบข้าขอเป็นทองหนึ่งคันรถม้าแล้วกันครับ”

“นั่นมากเกินไป! อย่าไปตกลงนะ!”

เฮนรี่รีบท้วงทันที แต่โอเมก้าเพียงแค่ระบายลมหายใจออกมา มองนายหน้าค้าทาสหน้าเลือด

“เราเข้าใจแล้ว แต่วันนี้เรานำทองมาเพียงหีบหนึ่งเท่านั้น ท่านจะช่วยรับเป็นมัดจำก่อนได้หรือไม่ แล้วในรุ่งสางพรุ่งนี้ข้าจะรีบนำทองตามที่ท่านเสนอมาให้ทันที”

นายหน้าค้าทาสผู้โลภมากฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ พออยู่ภายใต้แสงไฟเรืองรองแล้วมันชวนให้เห็นเป็นสีหน้าของปีศาจโลภะเสียจริง

“เอ้า คุณชายเฮนรี่ ขอให้โชคดีมีชัยล่ะ”

ยังไม่ทันที่จะได้โต้ตอบอะไร เฮนรี่ก็ถูกผลักให้ไปหาโอเมก้า อีกฝ่ายมองเขาอยู่ชั่วครู่แล้วหันหลังเดินจากไป เขาเดินตามไปติดๆ โดยที่ยังมีตรวนพันธนาการสองข้อมือและสองข้อเท้า

 

โลกภายนอกมันช่างกว้างใหญ่เสียจนเฮนรี่เกือบลืมไปแล้ว แต่สายตาของเขากลับมองแผ่นหลังโอเมก้าที่เดินนำเงียบๆ พร้อมข้อสงสัย ไม่ได้ใส่ใจสำรวจทิวทัศน์มากมายอีกเลย

“ขอถามอะไรอย่างได้มั้ย” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา “เงียบนี่หมายความว่ายังไง ได้หรือไม่ได้”

ก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับกลับมาอยู่ดี เฮนรี่สบถ เขาไม่รู้แล้วว่าอะไรแย่กว่ากันระหว่างอยู่ในร้านขายทาสอัลฟ่านั่นกับออกมาเดินตามหลังคนชอบเล่นบทคนใบ้แบบนี้

“ที่ว่าทำลูกกับคุณเนี่ยมันหมายความว่ายังไง”

โอเมก้าหยุดเท้าที่จะก้าวต่อแล้วหันกลับมาหา เฮนรี่หยุดตามด้วยความไม่ไว้ใจ แม้จะมั่นใจว่าตนมีพละกำลังมากพอล้มชายรูปร่างสมส่วนคนนี้ได้ในครั้งเดียวก็ตาม แต่อำนาจที่โอเมก้าผู้นี้มีมันกดให้เขารู้สึกหนักอึ้งในอกจนสัญชาตญาณส่งเสียงเตือนอยู่ไกลๆ

“ผมแค่… สงสัย”

“เราหมายความตามนั้น เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นโอเมก้า และเราต้องการมีลูก”

“คุณไปรับอุปการะก็ได้ หรือว่าหาอัลฟ่าที่เหมาะสมกว่าอัลฟ่าที่ถูกขายเป็นทาส”

“จริงอย่างที่ว่า เราพยายามเข้าหาบรรดาอัลฟ่ามากมายแล้วแต่ไม่มีใครถูกใจเป็นพิเศษ”

“แต่มาถูกใจผมแทนเนี่ยนะ?”

“บางครั้งเมื่อความหวังกำลังจะหมดสิ้น บางทีชีวิตก็ต้องเสี่ยงกับตัวเลือกสุดท้าย”

เฮนรี่พยักหน้ารับ แม้จะแอบขำเยาะเย้ยโอเมก้าคนนี้อยู่มากก็ตามที ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วย ทำเอาอยากรู้ขึ้นมาเชียวว่าเหตุผลจริงๆ ที่ชายคนนี้ต้องจำใจยอมซื้อทาสไปเป็นพ่อของลูกมันคืออะไร

“แล้วคุณจะยอมจ่ายทองหนึ่งคันรถม้าตามที่พ่อค้าทาสขอจริงๆ เหรอ”

“เจ้ามีข้อกังขากับการตัดสินของเราหรือ”

“เปล่า ไม่ ก็ใช่ มันแค่อดตลกไม่ได้ที่คุณจะยอมแลกของมีค่ากับทาสคนหนึ่ง”

“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก” โอเมก้าตอบกลับ แค่คำพูดเดียวก็บาดลึกในใจของเฮนรี่จนทำเอาสะอึก เขาแทบไม่รู้สึกรู้สาอะไรตอนตัวเองเป็นคนพูด แต่พอได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาง่ายๆ แล้วมันทำเอาจุกไปหมด “เราคงไม่ยอมเสียทองมากมายขนาดนั้นให้กับเจ้าคนโลภนั่น เจ้าคิดหรือว่าคนอย่างเราจะยอมให้คนอย่างพ่อค้านั่นข่มขู่ได้หรือ”

“จะไปรู้เหรอ ผมไม่รู้จักคุณเสียหน่อย”

“อ่า นั่นสินะ” โอเมก้ายิ้มน้อยๆ แล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ “การจะต่อรองกับผู้มีอำนาจ สิ่งที่ทำไม่ใช่การยกตนข่มท่านว่าเราคือผู้อยู่เหนือกว่า แต่ต้องเป็นยื่นข้อเสนอที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมจำนน บนโลกใบนี้ไม่มีใครทำอะไรแล้วไม่หวังผลประโยชน์หรอก”

แม้จะเป็นคำพูดที่ดูไม่มีอะไร แต่กลับเชือดเฉือนจนทำเอาพูดต่อไม่ออก เฮนรี่จึงเปลี่ยนประเด็น

“คุณชื่ออะไร”

“เบน แอฟเฟลค”

“เป็นใครกันแน่”

“เรื่องนั้น…อึก”

ยังไม่ทันได้พูดให้จบประโยคดีเบนก็มีท่าทีเปลี่ยนไป อีกฝ่ายยกมือขยุ้มชุดคลุมบริเวณอก มืออีกข้างดึงหมวกคลุมให้ปกปิดใบหน้ากว่าเดิม เฮนรี่อยากถามว่าอีกคนเป็นอะไรไป แต่พอได้กลิ่นหอมหวานฉุนจมูกที่แผ่ออกมาจากกายอีกฝ่ายก็พอจะเข้าใจโดยสัญชาตญาณ ร่างกายของเขาตื่นตัวไปทุกสัดส่วน ฟีโรโมนที่ลอยคลุ้งอยู่ทั่วอากาศบริเวณนี้กำลังมอมเขาให้มัวเมา

“เดี๋ยว ไม่ใช่…ตอนนี้ เฮนรี่”

“ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหน”

“รอถึงวัง…”

เฮนรี่ไม่รอแล้ว เขาตรงไปคว้าสองแขนเล็กแล้วกระชากอีกฝ่ายให้หันหน้าเข้าหาซากกำแพงอิฐซึ่งพังไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็สูงพอจะบังพวกเขาสองคน จากนั้นจึงยกมือขึ้นปิดปากเล็กที่ส่งเสียงอู้อี้ เขาใช้มืออีกข้างปลดผ้าคลุมของเบนออกโยนไปอีกทาง แล้วเอาตัวเข้าทาบทับคนที่ออกแรงดิ้นไม่หยุด

“คุณซื้อตัวผมมาทำลูกให้คุณไม่ใช่หรือไง” เขากระซิบถามข้างใบหูเล็ก แล้วขบกัดติ่งหูคนที่เอียงหน้าหลบทันที “ตัวคุณหอมมาก ผมได้กลิ่นตั้งแต่ตอนอยู่ในร้าน แต่มันเทียบอะไรกับตอนนี้ไม่ได้เลยเบน”

สองมือเล็กพยายามดึงมือของเขาที่ปิดปากออก แต่เฮนรี่ไม่ยอมให้คนด้านใต้ทำสำเร็จ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสติสัมปัชัญญะที่เคยมีหายไปไหนหมด ยิ่งได้เข้าใกล้ยิ่งได้สัมผัสชายตรงหน้าเขายิ่งรู้สึกต้องการมากขึ้น แทบจะไม่เหลือความเป็นตัวเองในกายอีกแล้ว เหมือนทุกอย่างถูกขับเคลื่อนไปด้วยสัญชาตญาณดิบที่อยากได้รับการเติมเต็ม อีกทั้งยังรู้สึกอึดอัดกับส่วนกลางลำตัวด้วย

อัลฟ่าหนุ่มใช้มือขวาดึงกางเกงขายาวของโอเมก้าลงแล้วพยายามดันมือแยกสองขาเรียวออกจากกัน เขาสัมผัสได้ถึงน้ำหล่อลื่นที่ไหลลงมาตามต้นขาด้านใน ก่อนเลื่อนมันขึ้นแตะเบาๆ บริเวณช่องทางที่ทำคนด้านใต้สะดุ้งโหยงหลุดส่งเสียงกระเส่าออกมา

“ขอโทษนะ”

เฮนรี่กล่าวแล้วแทรกท่อนเนื้อแข็งขืนเข้าไปในช่องทางที่ขมิบรัดทันควัน เสียงประท้วงดังลอดฝ่ามือของเขาออกมา ส่วนเล็บทั้งสิบนิ้วของเบนก็จิกลงบนท่อนแขนของเขาอย่างแรง แต่เขาก็ยังฝืนดันตัวเข้าไปเมื่อความร้อนภายในมันชวนให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็น และกระตุ้นให้เขาต้องการมากขึ้นจนทนไม่ไหว

ความคับแน่นเริ่มเปลี่ยนเป็นความเจ็บ เบนไม่ยอมให้เฮนรี่ขยับตัวได้อย่างที่หวัง เขาครางต่ำอย่างขัดใจก่อนใช้มือทั้งสองข้างจับสะโพกมนไว้แน่น ค่อยๆ ดึงตัวเองออกช้าๆ เพียงครึ่งแล้วกดกลับเข้าไปใหม่ มองร่างเล็กสั่นระริกที่พยายามเกาะกำแพงอิฐทรงตัวให้อยู่ เขาได้ยินเสียงสะอื้น เสียงอ้อนวอน แต่พวกมันอยู่ไกลจนจับใจความไม่ได้ สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้มีเพียงการเห็นตัวเองถูกช่องทางอ่อนนุ่มกลืนกิน

เมื่อเริ่มขยับได้คล่องตัวกว่าตอนแรก เฮนรี่ก็เพิ่มแรงตัวเองลงไป และเปลี่ยนจังหวะตามใจปรารถนา เขาเบียดท่อนความเป็นชายของตัวเองกับผนังร้อนระอุ ยัดเยียดความต้องการของตนให้คนด้านใต้ ครางเสียงต่ำและเร่งจังหวะเมื่อหลุดเข้าไปสู่วังวนราคะ ในขณะที่ไล่กัดไปตามแผ่นหลังเนียนด้วย

เฮนรี่กระแทกเข้าไปลึกจนถึงจุดที่เรียกเสียงร้องหวานๆ ของคนตัวเล็กให้หลุดออกมา เขาแสยะยิ้ม ถอนตัวออกแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ จงใจให้โดนจุดกระสันซึ่งทำเอาคนด้านใต้สั่นสะท้าน ร้องเสียงหลงแทนที่จะเป็นเสียงขอความเห็นใจ เขาเลียริมฝีปากอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าสามารถคุมคนด้านใต้ให้อยู่ในอำนาจได้ ในขณะที่เลื่อนมือขวามาชักรูดท่อนความเป็นชายของโอเมก้าด้านใต้ ได้ไม่นานทั้งเขาและเบนก็สั่นกระตุกถี่ๆ แล้วปลดปล่อยความต้องการออกมา

เมื่อคลื่นความต้องการระลอกแรกถูกซัดเข้าหาฝั่งแล้ว เฮนรี่ก็ถอนตัวออกมองคนตัวเล็กที่แทบจะล้มไปกองกับพื้นหากไม่เกาะกำแพงอิฐเอาไว้ เขาขยับจะเข้าไปพยุงเอวคอดแต่กลับถูกสั่งห้ามเสียงแข็ง

“หยุด” เบนกล่าวออกมาทั้งเสียงสะอื้นน้อยๆ เฮนรี่ยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก “อย่า เข้ามาใกล้เรา”

“ฉะ… ผม ผมขอโทษ ผม…” เฮนรี่พยายามอธิบาย เขารู้ได้เลยว่าตัวเองกำลังหน้าซีดลงเรื่อยๆ น้ำเสียงของเบนมันแฝงไปด้วยอำนาจตามธรรมชาติ อีกทั้งยังมีพลังมากพอปลุกให้เขากลับมาได้สติอีกด้วย เขาได้แต่มองเบนที่กึ่งเปลือย เลือดของเจ้าตัวและน้ำรักของเขาไหลปนกันลงมาตามท่อนขาเรียว “ผมขอโทษจริงๆ เบา”

“เรา…อ้ะ ให้ตาย ให้ตายสิ ไอ้อาการบ้านี่”

เบนพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องปิดริมฝีปาก ร่างกายเล็กกลับมาสั่นสะท้านอีกครั้ง เฮนรี่ได้กลิ่นหอมหวานแบบเดิมลอยมาจากคนตัวเล็ก เขารู้ว่ามันคือสัญญาณของอะไร และให้ตาย เขาอยากเข้าไปสูดดมมันใกล้ๆ และมัวเมาไปกับเจ้าของร่างที่ส่งกลิ่นรัญจวนนี่ แต่พอเห็นสภาพคนตัวเล็กที่แทบจะพังจากเซ็กส์เมื่อครู่ก็ต้องกัดฟันทน

ก็หวังว่าจะทนได้

“เบน กลิ่นคุณมันทำผมไม่ได้สติ”

“จะบอกว่าเราผิดงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่ แต่ตอนผมได้กลิ่นของคุณมันก็ไม่เป็นตัวของตัวเองอีก ผมแค่…อยากมีเซ็กส์กับคุณ อยากทำให้คุณตกเป็นของผมคนเดียว”

เฮนรี่มองเบนที่เงยหน้ามองเขา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาคิดอย่างที่พูดออกไปทั้งหมด

“เบน ผมขอโทษที่ทำร้ายคุณเมื่อกี้ แต่หากคุณให้โอกาสเริ่มใหม่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีก คุณก็รู้ว่าตอนนี้ร่างกายคุณกำลังต้องการความช่วยเหลือ และผมเป็นคนเดียวที่ช่วยคุณได้”

“…”

“ถ้าคุณกลัวว่าผมจะคุมตัวเองไม่ได้อีก งั้นคุณมาคุมผมแทนสิ”

เบนตกใจจนพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดไหนของเฮนรี่

“ผมจะเป็นคนเติมเต็มในแบบที่คุณต้องการเอง”

 

ความเจ็บแปลบที่เสียดแทรกเข้ามาตรงกลางหว่างขาทำให้เบนต้องแอ่นสะโพกขึ้น พอเบนสายตาไปมองก็พบว่าเฮนรี่กำลังสอดใส่ส่วนแข็งขืนของตนเข้ามาในช่องทางของเขา แม้ว่าจะเจ็บแต่คราวนี้มันน้อยลงกว่าเมื่อครู่มาก อย่างน้อยเขาก็ได้มีเวลาทำใจและปรับตัวให้คุ้นชิน

น้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างเมื่อสัมผัสได้ถึงความปวดแบบหน่วงๆ เป็นระยะ คล้ายกับร่างทั้งร่างค่อยๆ ถูกฉีกออกจากกัน เขากลั้นเสียงสะอื้นและเปลี่ยนไปกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นแทน

เบนเตรียมใจไว้แล้วว่าวันหนึ่งเขาต้องตกเป็นของอัลฟ่าสักคน แต่ทุกครั้งเขาก็บ่ายเบี่ยงงานเลี้ยงดูตัวมาตลอด ปฏิเสธทุกคำชวนออกเดต ไม่ตอบรับคำสั่งของพ่อและแม่ที่ถามหาทายาทอยู่ทุกครั้งที่เจอหน้า กระทั่งวันหนึ่งคนสนิทของเขาไปได้ยินว่าท่านทั้งสองกำลังจะส่งตัวเขาไปแต่งงานกับกษัตริย์อาณาจักรข้างเคียงเพื่อรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจได้ว่าตัวเองควรเริ่มต้นทำอะไรให้เป็นรูปธรรมเสียที ด้วยเหตุนี้เขาจึงหลบออกจากวังมาหาซื้ออัลฟ่าสักคนไปใช้หลอกพ่อแม่ให้ตายใจจนกว่าจะเจอคนที่ถูกใจจริงๆ อัลฟ่าที่เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่พวกชนชั้นสูงงี่เง่าซึ่งเอาแต่จะสูบเลือดสูบเนื้อเขา แต่ใครจะไปคิดว่าเพียงครั้งแรกที่ได้เข้าไปเหยียบร้านค้าทาสแห่งนั้น ร่างกายก็เกิดรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา เขาได้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของอัลฟ่ามาจากมุมด้านบนของห้อง มันเป็นกลิ่นเดียวที่ส่งตรงมาถึงเขา จนรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นไหวของตนเองยามได้สบกับนัยน์ตาสีฟ้า เขาอยากตกเป็นของอัลฟ่าคนนี้ เขาอยากใช้ชีวิตเคียงคู่ไปกับอีกคน

แต่ใครจะไปนึกว่าอัลฟ่าจะเป็นพวกป่าเถื่อนได้ถึงขนาดนี้ ตอนที่อาการฮีทกำเริบและพยายามล้วงหายามาระงับอาการ ตัวของเขาก็ถูกเฮนรี่ผลักเข้าหากำแพงอิฐ อีกฝ่ายตามมาทาบทับและบังคับให้เขายอมเปิดทางให้ตัวเอง แม้ว่าจะเจอเรื่องน่าหวาดกลัวมามากแค่ไหนแต่นี่เทียบไม่ได้เลยกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเผขิญไป ความหวาดกลัวกอปรกับความตื่นตระหนกขับให้เขาร้องไห้จนปวดตา รู้สึกเจ็บไปทุกสัดส่วนจนอยากให้กิจกรรมบ้าๆ นั่นจบลงเสียที

แม้แต่ตอนนี้ความเจ็บนั้นก็ยังตอกย้ำ เขายังกลัวอยู่ ยอมรับเลยว่าเขากลัวแต่ร่างกายก็ไม่ยอมให้หนี มันต้องการการถูกเติมเต็มจากชายด้านบน และเบนไม่รู้ว่าเขาควรทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี สมองมันตื้อไปหมด เลยได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้มขณะมองคนตัวใหญ่กว่าช่วยบรรเทาอาการฮีทให้

“ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บ” ริมฝีปากหยักก้มลงมากดจูบซับน้ำตาให้แผ่วเบา “ขอโทษ”

เฮนรี่วางฝ่ามือลงบนศีรษะของเขาอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกันก็ใช้นิ้วโป้งซ้ายเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้เขา ความอบอุ่นที่ถูกถ่ายทอดผ่านมืออีกฝ่ายทำให้ความเจ็บปวดทั้งที่กายและใจทุเลาลง

“เรากลัว ตอนนั้นเจ้าไม่ฟังคำขอของเราแม้แต่น้อย เจ้า…ดูดุร้ายและอันตราย”

เบนควบคุมตัวเองไม่ได้ ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายและแสดงอารมณ์ให้ใครเห็น ในฐานะที่เขาเป็นอยู่ การแสดงออกทั้งสีหน้าและท่าทางจะเป็นการยืนยันว่าตนเองเลือกอยู่ฝั่งใด นอกจากนี้การเผยความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นจะนำมาแต่ผลเชิงลบ กล่าวโดยสรุปแล้วเบนไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้เลย แต่ต่อหน้าเฮนรี่เขากลับเปิดเผยทุกอย่างออกมาหมด จนอดคิดไม่ได้ว่าตนนั้นอ่อนแอและเปราะบาง

“ผมขอโทษ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้” เฮนรี่ย้ำอีกครั้ง “ตอนนี้ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”

เบนส่ายหน้า น้ำเสียงและสัมผัสที่อ่อนโยนขึ้นทำให้ความรู้สึกเมื่อก่อนหน้าจางหายไปทีละน้อย

เขาเข้าใจดีว่าอัลฟ่าตรงหน้าไม่ได้อยากทำร้ายเขาแต่เป็นไปตามสัญชาตญาณ มิเช่นนั้นคงบุกเข้ามาจับเขาปู้ยี่ปู้ยำต่อโดยไม่สนคำสั่งของเขานานแล้ว ท่าทีที่อ่อนลงและแววตาสำนักผิดช่วยให้เขาชื้นใจขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็จะยังมีชีวิตรอดภายในค่ำคืนนี้

“ขอขยับได้มั้ย” เบนพยักหน้ารับคำขออัลฟ่าหนุ่ม จิกกำชุดคลุมที่ปูอยู่บนพื้นไว้แน่น ก่อนเฮนรี่จะก้มลงกระซิบเบาๆ “ถ้าเกร็งคุณจะยิ่งเจ็บ ผมสัญญาว่าจะทำเบาๆ”

เฮนรี่เริ่มขยับตัวเข้าออกอย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวของอัลฟ่าอ่อนโยนขึ้นจนทำเบนรู้สึกดีขึ้นมาเสียแล้ว จังหวะที่ค่อยเป็นค่อยไปด้วยความเป็นห่วงผิดกับตอนแรกลิบลับ ความบอบช้ำที่ได้รับจึงบรรเทาลง เหลือไว้แต่ความต้องการที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาทีละนิด และทุกครั้งที่ท่อนเนื้อของเฮนรี่เสียบแทรกเข้ามาในตัวของเขา ร่างกายก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอันหอมหวาน

“เร็วขึ้น”

เบนเอ่ยปากสั่งเมื่อจังหวะเท่าเดิมไม่เพียงพอตอบสนองความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป ริมฝีปากอิ่มกัดเข้าหากันเมื่อแท่งความเป็นชายของอัลฟ่าเบียดถูกับผนังส่วนลับ เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนนั้นที่ทำเอาทั้งร่างสั่นสะท้านจนถึงกับต้องเชิดหน้าขึ้น เมื่อจุดอ่อนไหวถูกปลายแก่นกายแข็งขืนเฉียดผ่านเท่านั้นสองแขนก็ตวัดโอบรอบลำคอแกร่งไว้ยึดอัตโนมัติ

“อ๊า~~! ตรงนั้น เอาอีกที”

“เบน”

“เฮนรี่… เร็วอีก อึ้ก…อาา อ๊ะ อ๊าา”

จังหวะถูกเปลี่ยนทันทีเมื่อเบนร้องขอ ความร้อนรนกำลังจะทำให้เขาคลั่ง ความเร่าร้อนกำลังแผดเผาเขาทั้งเป็น ความมีเหตุผลถูกความสุขสมเข้าครอบงำจนไม่เหลือสติอีกต่อไป

“อีก… เอาอีก”

“แต่เบน คุณจะเจ็บ”

“แรงอีก เฮนรี่!”

เบนตะโกนสั่งเมื่อร่างกายทนรอไม่ไหวแล้ว เขาแบสองขาออกให้เฮนรี่เข้ามาได้ลึกขึ้นกว่าเดิมจนถึงจุดกระสัน ครางเสียงหวานไม่หยุด ไม่มีเวลาสนใจแม้กระทั่งน้ำลายที่ไหลย้อยลงมาจนถึงปลายคาง ไม่สนแม้กระทั่งเหงื่อที่ซึมอยู่บริเวณไรผมและหน้าผาก

“อย่ามาโทษผมแล้วกัน”

เฮนรี่ทิ้งไว้แค่นั้นก็โถมทั้งแรงและตัวเข้าใส่เบนไม่ยั้ง ทำเอาตัวของเขาสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก ความเสียวซ่านระเบิดไปทุกอณูจนได้แต่ร้องและจิกทึ้งเสื้อเนื้อหยาบของคนด้านบน เบนพยายามโยกสะโพกเข้าหาแท่งเนื้อแข็งขืนอย่างสุดความสามารถเพื่อจะลิ้มรสความสุขให้มากขึ้นอีกนิด

“รู้สึกอ๊ะ อ๊า ดีจัง อื้ออ อื้มม เฮนรี่ รู้สึกดีจังเลย”

“คุณเองก็สุดยอดไปเลย”

แล้วบทสนทนาก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงครางและเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ในแววตาของทั้งคู่ไม่หลงเหลือเหตุผลอยู่เลย ต่างกอบโกยความสุขสมและเติมเต็มตัณหาให้ตัวเองอย่างละโมบ สอดประสานร่วมจังหวะจนเป็นหนึ่งเดียวกัน

“จะ ถึง…นั่นแหละ แบบนั้น เฮนรี่”

“ถึงให้สุด เบน ปล่อยมันออกมา”

เบนร้องเสียงสูงกว่าเดิมขณะแอ่นสะโพกขึ้น ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านแล้วน้ำขาวขุ่นก็ฉีดพุ่งออกมาจากแก่นกายแดงสด ขณะเดียวกันเฮนรี่ก็ปลดปล่อยน้ำรักเข้าในตัวของเขาจนทำเอาอุ่บวาบไปทั้งช่องท้อง

.

.

.

.

.

สองปีต่อมา

เวลาหมุนผ่านไปเร็วจนแทบจะตาลาย เมล็ดพันธุ์แห่งความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเริ่มจะแตกหน่อ เฮนรี่หมายถึงข้อตกลง คำร้องขอ คำสั่ง หรืออะไรก็ตามแต่ที่เบนเคยบอกเอาไว้ในตอนแรก

เขากับเบนมีลูกฝาแฝดเป็นผู้ชายทั้งคู่ และตอนนี้พวกเขากำลังหัวหมุนอยู่กับการเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่ต้องคอยกำราบเจ้าตัวแสบสองหน่อซึ่งซนและดื้อน่าดู

พูดก็พูดเถอะ ในระยะเวลาที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะใช้ชีวิตอยู่ในรั้วในวังเมื่อตัวเองเคยถูกขายเป็นทาสมาก่อน แถมยังได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าชายที่ถ้าคนในวังไม่ออกตามหาในตอนเช้า เขาก็คงไม่มีวันได้รู้สถานะของเบน หลังคืนนั้นจบเบนก็ฟุบหลับ ปล่อยให้เขานอนชมความงามของตัวเองก่อนถูกจับไปขังคุกเกือบเจ็ดวันข้อหาล่อลวงเจ้าชายรัชทายาท

ใครมันไปล่อลวงกันวะ ไอ้เจ้าชายนั่นมาหาฉันถึงที่ต่างหาก!

ก็อยากจะพูดแบบนี้ถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่ท่ามกลางปลายดาบอัศวินเกือบห้าเล่ม

เบนเป็นคนช่วยเขาไว้ เขารอดพ้นจากคุก ได้เป็นสามีของเจ้าชายของอาณาจักร แต่มันก็แค่ตำแหน่งในนาม เพราะเขาแทบไม่ได้แตะต้องเบนเลยหากเบนไม่ลงมาหาที่ห้องคนรับใช้ แล้วจากนั้นชีวิตของเขาก็วุ่นวายและเต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า

แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่ง…ถ้ามีเวลาคงเล่าให้ฟังคราวหลัง

ยังไงก็ตาม หลังผ่านเรื่องเลวร้ายมาอย่างโชกโชนแล้ว ชีวิตของพวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มดีขึ้นเมื่อเบนตัดสินใจสละบัลลังก์ให้กับผู้สืบทอดอันดับสองแทน โอเมก้าคนนั้นเลือกเขาและลูกมากกว่า เหตุผลมีเพียงแค่ว่าครอบครัวจำเป็นต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

ถึงเบนจะไม่ใช่คนในราชวงศ์แล้วแต่ก็ยังมีเชื้อสายราชวงศ์ ทำให้ยังได้รับชีวิตดีๆ เช่นเกาะส่วนตัวและหุ้นส่วนของบริษัทส่งออกอาหารและเครื่องดื่มอีก

หนูตกถังข้าวสารที่แท้จริง เฮนรี่คิด

“เฮนรี่ มาช่วยอุ้มแบร์รี่หน่อย”

“กำลังไป”

เฮนรี่ตอบ จากนั้นจึงวิ่งไปยังสวนหลังบ้านซึ่งมีเบนกำลังนั่งให้นมแฝดคนโตอยู่บนม้านั่ง เอซร่า แฝดคนแรกที่น่ารักน่าชังและสวยเหมือนแม่ ส่วนแบร์รี่คือแฝดคนที่สอง ถึงแม้จะเกิดห่างกันไม่กี่นาทีก็ตามแต่แบร์รี่ก็เป็นน้องของเอซร่า ซึ่ง…น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเขาไม่มีผิด

“ลูกงอแงไม่ยอมออกจากอกเราเลย”

“ผมเข้าใจลูกว่าทำไม” เฮนรี่ตอบด้วยรอยยิ้มซุกซนแล้วตรงไปกดจูบบนแก้มนุ่ม จากนั้นจึงอุ้มแบร์รี่ที่ร้องไห้งอแงอยู่ในเปลขึ้นมาอยู่แนบอก “อกคุณนุ่มและน่าซบขนาดนั้น ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากออกห่างจากอกคุณด้วยซ้ำ”

ไม่เพียงพูดเปล่า เฮนรี่หันไปขโมยจูบคนที่กำลังนั่งให้นมลูกอยู่ เขาแทรกลิ้นเข้าไปกอบโกยน้ำหวานภายในและตวัดลิ้นพัวพันกับลิ้นของโอเมก้าที่ตอบกลับอย่างคุ้นชิน แต่ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านั้นเสียงร้องของแบร์รี่ก็ดังขึ้นขัด

เฮนรี่ยอมถอนจูบออกมาแล้วทำหน้างอแง มองลูกในอ้อมแขนที่ไม่ยอมหยุดร้องไห้

“แบร์รี่ไม่อยากได้น้องเพิ่มอีกสักคนเหรอ”

“เฮนรี่ ถามอะไรแบบนั้น แค่สองแฝดก็เหนื่อยจนหัวหมุนแล้ว”

“ผมเลี้ยงได้”

“เมื่อคืนยังบ่นอยู่เลย”

“ก็ลูกสะดุ้งตื่นมาขัดตอนผมกับคุณกำลังทำน้องให้พวกเขา”

“เฮนรี่!”

เฮนรี่หัวเราะร่วนเมื่อกวนประสาทคนตรงหน้าสำเร็จ เขามองแก้มแดงๆ ของเบนพลางกล่อมแบร์รี่ไปด้วย จากนั้นจึงอุ้มเดินพาลูกตัวน้อยไปวางบนเปล แกว่งมันเบาๆ ให้เจ้าตัวน้อยหลับสนิท

“เอซร่าเงียบหรือยัง”

“อืม”

เบนตอบ อุ้มแฝดคนโตที่หลับตามไปอีกคนไปวางลงบนเปล จากนั้นจึงกลับมานั่งที่เดิมพลางถอนหายใจเฮือก ยกมือขึ้นทุบๆ บ่าข้างซ้ายก่อนหันไปหาเฮนรี่ที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“มองอะไร”

“ภรรยา”

“เราไม่เคยตอบตกลงเป็นภรรยาของเจ้า”

“งั้นที่ผ่านมาผมเป็นอะไรสำหรับคุณ”

พอเจอน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจเอ่ยถามเบนก็เอียงคอน้อยๆ แล้วเขยิบมานั่งคร่อมตักของเขา โอบสองแขนไว้ที่ลำคอของเขาหลวมๆ

“เป็นคนทำลูกให้เรา” พูดจบเบนก็ก้มลงจูบบนเปลือกตาของเขา “เป็นคนที่มอบครอบครัวให้เรา เป็นพ่อของลูกเรา เป็นคนสำคัญของเรา”

ทุกคำพูด เบนจะกดจูบลงบนแก้ม ริมฝีปาก และไปจบที่ลำคอคล้ายกับต้องการตอกย้ำให้เขามั่นใจในที่ที่ตัวเองยืนอยู่

“ขอบคุณ สำหรับทุกอย่าง”

“เจ้ามอบเหตุผลที่จะต่อสู้ให้เรา เราต่างหากที่ต้องขอบคุณ”

“คุณเองก็มอบเหตุผลที่ทำให้ผมไม่คิดหนี มอบอิสรภาพและโอกาสให้คนอย่างผม”

เฮนรี่เขยิบไปกดจูบริมฝีปากอิ่ม สัมผัสได้ถึงไอร้อนจากฝ่ามือบางกว่างที่กำลังบีบนวดแผ่นอกของเขาอย่างเอาใจ เขาถอนปากออกมาถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“จะทำกันตรงนี้จริงเหรอ”

“ไม่มีคนเห็นหรอก นี่เป็นเกาะส่วนตัวของเรา”

“เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก”

“งั้นอย่าส่งเสียงดังสิ”

เฮนรี่ยิ้มโชว์เขี้ยวขาวพลางหัวเราะด้วยความขบขัน ก่อนกดท้ายทอยคนด้านบนให้ก้มลงมามอบจูบให้ จากนั้นจึงเริ่มกิจกรรมรักโดยส่งเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขอลูกแฝดอีกได้ไหม เบน

 

 

THE END
12/01/2020

1 thoughts on “[Henry C. x Ben A.] Destiny

ใส่ความเห็น