[HENRY C. x BEN A.] My Sadness [7]

Title: My Sadness [7]

Pairing: HENRY C. x BEN A.

Author: SaRa_PAO

Rating: PG

Note: ตอนเก่าๆ รบกวนตามที่ My Fanfiction นะคะ

 

เบนนั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้ไม้มีพนัก มองเฮนรี่ที่หลับไปแล้วเพราะความเพลียจากการเดินทาง เฮนรี่มักจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานที่บริษัทและกลับมาหาเขาช่วงค่ำทุกวัน คนตัวเตี้ยกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเขา คอยเล่านู่นเล่านี่เกี่ยวกับคนในปราสาทให้ฟัง ทั้งเรื่องสนุกและเรื่องเศร้าหมอง มีบ้างบางวันที่เฮนรี่กลับมาพร้อมใบหน้าบึ้งตึง คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบผูกเป็นโบว์ อีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินขึ้นห้องพร้อมกระแทกประตูปิดเสียงดัง แล้วเสียงทำลายผนังดังปึ้งๆๆ ก็ดังตามมา

เฮนรี่มักจะระบายอารมณ์แบบนี้เสมอเวลามีเรื่องทุกข์ใจ ใจหนึ่งเบนอยากเข้าไปปลอบอีกฝ่ายแต่เขาก็กลัวว่าตัวเองจะโดนทำร้ายไปด้วย และเหมือนเฮนรี่จะรู้จึงพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาเวลาตัวเองโกรธ เมื่อเฮนรี่ระบายอารมณ์จนพอใจเมื่อไหร่ เบนถึงจะเดินเข้าไปหาเพื่อทำแผลให้ เรามักไม่พูดอะไรปล่อยให้ความเงียบเกิดอยู่อย่างนั้น

เบนมองเฮนรี่ที่นอนใช้มือซ้ายพาดมาทางขวา อีกฝ่ายคงคิดว่าเขานอนอยู่ตรงนั้น เบนคลี่ยิ้ม

“ฝันดีครับ”

เขาเอื้อนเอ่ยเสียงเบาจากที่ไกลๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้กว่านี้เพราะกลัวในอะไรหลายๆ อย่าง เบนเริ่มอารมณ์สั่นไหวบ้างเมื่อมีเฮนรี่มาป่วนเกือบทุกเวลา ทว่าเขาก็ไม่กล้าคิดไกลไปมากกว่าคำว่าขอบคุณ ถ้าไม่นับเรื่องที่เฮนรี่ทำกับเขาไว้ในอดีต เฮนรี่ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเขามาจากซ่อง แถมยังยอมเจ็บตัวไปช่วยเขาที่โดนจับไปอีก นอกจากนี้ยังไม่นึกรังเกียจเขาที่เคยเป็นผู้ชายขายตัวมาก่อน คอยดูแลเอาใจใส่อย่างดีและปกป้องเขาเสมอ และเพราะแบบนี้เบนถึงยอมให้เฮนรี่มาอยู่ด้วยเพื่อตอบแทนบุญคุณ

แม้ที่ผ่านมาเฮนรี่จะใจดีขึ้นแต่เบนก็อดกลัวไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะกลับมาทำร้ายเขาอีก ถ้าเขาเลือกจะเชื่อใจเฮนรี่ เจ้าตัวจะทำลายมันลงไหม ทุกอย่างที่เฮนรี่แสดงออกมามันจะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า

เบนยอมรับว่าเขากลัว พอเริ่มจะคิดไกลกว่านี้ทีไรหัวใจของเขาก็มักจะสร้างกำแพงขึ้นมากั้นระหว่างเราเอาไว้ เบนมักจะนั่งกอดเข่าอยู่ด้านหลังกำแพงนั่นท่ามกลางความโดดเดี่ยว แม้จะโดดเดี่ยวแต่ก็ดีกว่าการที่ต้องกลับไปเจ็บตัวและชอกช้ำเหมือนในอดีต และเบนก็หวังว่าเฮนรี่จะเข้าใจเหตุผลของเขา

“นั่งจ้องกันอยู่นั่นแหละ ไม่นอนเหรอไง” เบนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนเฮนรี่ที่ยังหลับตาอยู่ถามขึ้น

“พอดีนอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ ผมเผลอทำคุณตื่นหรือเปล่า”

“เปล่าหรอก ฉันตื่นเอง” แล้วเฮนรี่ก็ยกมือขึ้นขยี้ตาก่อนลืมมันเต็มดวง “ไม่สบายใจอะไรอยู่เหรอ”

“เปล่าครับ” เบนตอบพร้อมฉีกยิ้มกว้าง “ไม่ได้ไม่สบายใจอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

“แล้วทำไมนอนไม่หลับล่ะหื้ม”

“ก็มีคนมาแย่งที่นอนไปนี่ครับ”

“ฉันว่าถ้าเรานอนตะแคงกอดกันมันก็น่าจะพอสำหรับเราสองนะ เตียงเดี่ยวนี่น่ะ”

เฮนรี่พูดพลางกลั้วหัวเราะ เบนยิ้มให้แล้วหันไปมองพระจันทร์ซึ่งกำลังส่องสว่างอยู่ด้านนอก ไม่ได้พูดอะไรต่อและเอาแต่นั่งมองดวงจันทร์อย่างเจียมตน เขากำลังเปรียบดวงจันทร์กับเฮนรี่ แม้จะไม่อบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์ แต่ก็เป็นแสงนำทางให้ใครหลายคนในยามกลางคืน ถึงบางทีจะมีวันที่ต้องลาลับฟ้าไป แต่สุดท้ายก็จะกลับมาตามเดิม

เฮนรี่เองก็ไม่ได้อบอุ่นและออกจะเป็นคนเดาอารมณ์ยากด้วยซ้ำ แม้จะเป็นเช่นนั้นอีกฝ่ายก็จะคอยปกป้องเขาอยู่เสมอ คอยดูแลและเอาใจใส่ในแบบของตนเอง ถึงมันจะดูเป็นวิธีที่ชาวบ้านเขาไม่ใช้กันก็ตาม เบนรับรู้มาตลอดว่าที่เขายังไม่ตายและมีลมหายใจอยู่ได้นี้ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเฮนรี่อยู่ด้วย แมตต์เคยเล่าให้ฟังว่าหลังจากเขาสลบไปเพราะโดนเฆี่ยนจนหลังแตก เฮนรี่ก็มาคอยดูแลและเอาใจใส่อยู่ลับหลัง คอยหาข้าว หาน้ำ หายามาให้เขา คอยนั่งโอบกอดเขาไว้ราวกับเขายังเป็นเด็กอ่อน คอยลูบผมปลอบประโลมยามเขาดิ้นเพราะฝันร้าย และคอยกล่อมให้เขาหลับฝันดีเป็นประจำ

น่าทึ่งใช่มั้ยล่ะ เบนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ตอนแรกเขาแทบไม่เชื่อแมตต์ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เขาโดนจับตัวไป เขาก็พบว่าเฮนรี่เป็นแบบที่แมตต์พูดจริงๆ เบนไม่รู้ว่าทั้งหมดที่อดีตเจ้านายทำลงไปมันเพื่ออะไร เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน แต่เขารู้สึกขอบคุณและสำนึกในบุญคุณนั่นอยู่เสมอ

“คิดอะไรอยู่” เบนสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนกอดจากทางด้านขวาแล้วคางของเฮนรี่ก็วางลงมาบนหัว

“เปล่าครับ” เบนก้มหน้าลงตอบเสียงเบาหวิว “ผมไม่ได้คิดมากอะไร คุณไปนอนต่อเถอะครับ”

“ไม่เอา” เฮนรี่งอแง “ถ้านายไม่ไปนอนด้วยฉันก็จะไม่นอน มาดูกันว่านายจะดื้อได้นานแค่ไหน”

“เฮนรี่ครับ” เบนถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน “ผมยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ แต่คุณน่ะทำงานกลับมาเหนื่อยๆ ไม่พักผ่อนจะเสียสุขภาพเอาได้นะครับ”

เฮนรี่ส่ายหัวพลางกระชับกอดเขาไว้แน่นเต็มสองแขน เบนพยายามดิ้นและขืนตัวเองออก แต่เจ้างูนี่ก็รัดจนเราแทบรวมร่างกัน สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ต้องใจอ่อน ยอมเดินไปนอนด้วยบนเตียง

 

เฮนรี่คอยเอาใจใส่เบนอย่างดีไม่เคยเปลี่ยน เบนรู้ว่าเฮนรี่คิดยังไงกับเขา เบนรู้ความรู้สึกนั้นของเฮนรี่ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิอาจตอบสนองมันได้ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเบนกลัว กลัวจนไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้กว่านี้ กลัวจนทำได้แค่นั่งมองและคอยส่งยิ้มให้เฮนรี่อยู่หลังกำแพงระหว่างเรา เขาทำได้แค่นี้แหละ

“เบน” เฮนรี่ทักเสียงสดใสเมื่อเปิดประตูและเดินเข้ามาในบ้านแล้ว “ขอโทษที่วันนี้ฉันกลับมาช้า”

เบนส่ายหน้าไปมาเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่ได้โกรธเคืองอะไร เพราะปกติเฮนรี่ก็กลับไม่ค่อยตรงเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเบนจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องเวลาที่ใช้รออีกฝ่ายกลับบ้านเท่าไหร่นัก

เฮนรี่เดินเขย่งและกะเผลกนิดหน่อย เบนรีบปรี่เข้าไปดูทันที ทว่าเฮนรี่กลับยกมือขึ้นป้องมือเขา และส่งยิ้มกว้างมาให้ เบนมองคนที่สีหน้าดูไม่ค่อยดีนักแต่ก็ฝืนทำตัวร่าเริงเหมือนทุกที

“เฮน…”

“มีไรให้กินบ้าง” เฮนรี่รีบถามขึ้นแทรก “หิวจังเลย”

“ข้าวต้มครับ” เบนตอบเสียงอ่อน “พอดีช่วงนี้ที่ร…”

“ป้อนให้หน่อยได้มั้ย” เฮนรี่เอียงคอถาม เบนพยักหน้า มองดูอาการของคนที่แปลกไปเหมือนกำลังปกปิดอะไรสักอย่าง “น่ารักที่สุดเลย เมียใครเอ่ย”

“ไม่รู้สิครับ”

“เมียฉันไง”

เฮนรี่ถามเองตอบเองจบก็กลั้วหัวเราะ ทันใดนั้นสีหน้าก็ปรากฏแต่ความเจ็บร้าว ทรุดไปนั่งบนพื้น ยกมือขึ้นกุมสีข้างตัวเอง เบนรีบลงไปนั่งประคองตัวเฮนรี่ไว้ทันที มองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร” เฮนรี่เอ่ยเสียงแผ่ว “ฉันไม่เป็นไร เบน”

“จริงเหรอครับ” เบนถามอย่างไม่มั่นใจนัก เขาเอื้อมมือไปกุมมือคนตรงหน้าไว้ “แน่ใจเหรอครับ”

“อื้ม สงสัยจะหิวจัด”

เฮนรี่ตอบพร้อมหัวเราะอีกครั้งแต่ก็ได้ไม่นานแล้วต้องกลับไปนิ่วหน้าอีกรอบ ราวกับการหัวเราะนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายอยู่ เบนผละมือออก ลุกขึ้นพยุงคนตัวเตี้ยกว่าให้ลุกขึ้นยืนแล้วพาไปที่ห้องนอน

เมื่อมาถึงห้องนอนเบนก็ตรงพาเฮนรี่ไปนอนบนเตียง เขาผละมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างขวาคนบนเตียง จากนั้นก็เอื้อมมือจะไปถอดเสื้ออีกคนออกเพื่อดูว่าเฮนรี่ปกปิดอะไรไว้ แต่เฮนรี่กลับคว้าข้อมือของเขาไว้แน่น บีบมันอย่างแรงจนเขารู้สึกเจ็บ เบนนิ่วหน้า

“คิดจะทำอะไร” เฮนรี่ถามเสียงขุ่น “เบน”

“ผมแค่จะดูว่าคุณได้รับบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เฮนรี่ปัดมือเขาออก “อย่ามารู้ดีไปกว่าตัวฉัน”

เบนชักสีหน้า มองคนที่พยายามทำตัวโหดใส่เขา เขาส่ายหน้าไปมาเบาๆ แล้วดึงมือตัวเองออก พยายามปลดกระดุมเสื้อตัวในของเฮนรี่ลงแต่ก็โดนจับมือเอาไว้อีกครั้ง แล้วคนด้านบนก็กระแทกเสียงใส่อย่างไม่พอใจ

“บอกว่าอย่ายุ่งไง!” เบนนั่งมองเฮนรี่เงียบๆ “ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เฮนรี่ตอบแล้วปัดมือเขาทิ้ง

“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมต้องกลัวผมถอดเสื้อคุณด้วยล่ะครับ”

เฮนรี่เงียบอย่างจนมุม เบนรีบอาศัยจังหวะนี้พยายามถกเสื้อตัวในของเฮนรี่ขึ้นดู แต่เฮนรี่กลับไม่ให้ความร่วมมือเลย พยายามปัดมือเขาทิ้งบ้าง ตีมือเขาบ้าง ก่อนสุดท้ายจะกระชากให้เขาถลาเข้าไปหา เบนหน้าเหวอ

“นี่กำลังยั่วกันอยู่ใช่มั้ย อยากหรือไง?” เบนชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง “ถ้าอยากก็น่าจะบอกกันดีๆ”

“…”

“แต่ยั่วก่อนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” เฮนรี่เลียริมฝีปาก ไล่สายตามองต่ำลงเรื่อยๆ “ดูเร้าใจชะมัด”

เบนเสียวไปทั้งไขสันหลัง เขาพยายามดันตัวเองออกแต่น่าแปลกที่คราวนี้เฮนรี่ยอมโดยไม่ขัดขืน เฮนรี่ผลักเขาออกแล้วนอนตะแคงไปทางซ้าย

เบนมองแผ่นหลังของเฮนรี่สักพักก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเตียง เอื้อมมือไปถอดเสื้อของคนที่ตกใจตาโตจากนั้นก็คว้ามือเขาไว้ หันใบหน้าถมึงทึงมาหาพร้อมตวาดลั่น

“อยากลองดีใช่มั้ย!” ใบหน้ากึ่งเจ็บกึ่งโมโหกำลังปรากฏแก่สายตาของเขา “อยากจะทำมากใช่มั้ย!”

เบนไม่สนใจแล้วดึงมือตัวเองมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เฮนรี่ต่อ

“ถ้านายยังไม่เลิกยุ่งกับฉัน ฉันจะจับนายปล้ำจริงๆ นะ”

“เอาสิครับ” เบนตอบพร้อมหยุดถกเสื้ออีกฝ่าย “ถ้ามันทำให้ผมรู้ว่าคุณเป็นอะไร ผมก็ยอมครับ”

เฮนรี่เงียบ สีหน้ากลับไปเป็นปกติเวลาอยู่กับเขา มืออีกฝ่ายคลายออก เบนบิดมือตัวเองมาถอดเสื้อตัวในให้เฮนรี่ แล้วสิ่งที่เขาเห็นก็คือรอยฟกช้ำดำเขียวที่สีข้างและบนหน้าท้อง ดวงตาของเขาเบิกกว้างอัตโนมัติ ค่อยๆ หันกลับไปมองเฮนรี่ที่หลบหน้าเขาอย่างผิดวิสัย

“ไปโดนอะไรมาครับ” เบนถามไม่เต็มเสียง เฮนรี่ไม่ยอมตอบ “เฮนรี่ครับ คุณโดนทำร้ายมาเหรอ”

“…อืม” เฮนรี่ครางในลำคอตอบ “พอดีขากลับฉันโดนปล้นน่ะ พวกมันมีกันเยอะฉันก็เลยสู้ไม่ไหว”

“แล้วทำไมถึงเลือดที่จะปิดบังผม ให้ตายสิ คุณนี่มัน…”

“เพราะถ้าเบนรู้เบนจะเป็นห่วงฉัน” เฮนรี่ตอบเสียงแผ่ว หันกลับมานอนตรงพร้อมยกท่อนแขนขึ้นปิดตาทั้งสองข้าง “ฉันไม่อยากให้เบนเห็นมัน ฉันไม่อยากให้เบนรู้สึกว่าฉันมันไม่ได้เรื่อง ฉันไม่อยากให้เบนผิดหวัง ฉันไม่อยากให้เบนเห็นด้านอ่อนแอของฉัน ฉันอยากให้เบนเชื่อใจ อยากให้เบนไว้ใจฉันให้ปกป้องเบน”

ไม่รู้เบนตาฝาดไปหรือเปล่าแต่เขาเห็นหยาดน้ำตากำลังไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างของเฮนรี่ หัวใจของเขากระตุกไหวมากกว่าเดิม มันเริ่มเจ็บทีละน้อยตามจำนวนหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาบนใบหน้าอีกฝ่าย เฮนรี่จมูกแดง กัดฟันกรอด กำมือแน่นจนกลายเป็นหมัด

“ฉันอยากเป็นคนที่เบนอยู่ด้วยแล้วสามารถทำให้เบนยิ้มได้ หัวเราะได้ มีความสุขได้ ฉันอยากเป็นคนที่ปกป้องเบนด้วยกำลังของฉัน แต่ฉันกลับไม่เคยปกป้องเบนจากชายคนหนึ่งซึ่งทำร้ายเบนอยู่เสมอได้เลย ไม่เคยเลยสักครั้ง”

“…”

“และคนคนนั้นก็คือฉันเอง” เฮนรี่พูดเสียงสั่นปนสะอื้น เบนเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กกว่าแต่มันกลับร้อนระอุ “เพราะฉันเบนถึงได้ต้องเจ็บตัวอยู่เสมอ เพราะมีฉันอยู่ข้างๆ เบนถึงต้องเจอเรื่องอันตราย เพราะมีฉันอยู่ด้วยเบนถึงต้องเจอกับเรื่องเศร้ามากมาย เพราะมีฉันอยู่ด้วยเบนถึงต้องเสียใจและจมอยู่กับกองน้ำตา”

เบนมองเฮนรี่ด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตาของเขาสั่นไหว

“เพราะมีฉัน เพราะฉัน เบนถึงได้หายไปแม้เราจะอยู่ใกล้กันแค่นี้ก็ตาม ทั้งหมดมันเพราะฉันเอง”

เบนผละสายตาลงมองฝ่ามือของเฮนรี่ที่กำลังกำเข้าหากัน มันแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนสั่นเกร็ง เขาได้ยินเสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีกครั้ง จากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันอันเศร้าหมอง

“ทั้งที่ฉันอยากให้เบนมีความสุขและปลอดภัย มีชีวิตใหม่ที่สวยงามตามที่เบนปรารถนา แต่ก็อยากอยู่กับเบน อยากมีความสุขไปพร้อมกับเบน อยากเริ่มชีวิตใหม่ไปด้วยกัน เห็นแก่ตัวชะมัดเลยเนอะฉันน่ะ”

เบนกุมหมัดของเฮนรี่ไว้แผ่วเบา มองคนที่ขบกรามแน่นจนเห็นสันกรามนูนขึ้นมา “เฮนรี่ คุณตัวรุมๆ เหมือนจะมีไข้”

“ทั้งที่ฉัน…อยากให้เบน มีความสุข” เฮนรี่ไม่สนใจคำพูดของเขา ยังคงพร่ำเพ้อความในใจออกมาไม่หยุด “ทั้งที่ฉันอยากให้เบนมีความสุข แต่ก็อยากอยู่กับเบน อยากอยู่กับเบนจริงๆ เห็นแก่ตัวจังเลยเนอะ”

“เฮนรี่ เดี๋ยวผมไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวกับทำแผลให้คุณนะครับ นอนพักก่อนนะ”

เบนผละมือตัวเองออกแต่เฮนรี่กลับใช้มือข้างนั้นคว้าท่อนแขนของเขาไว้ ดึงรั้งให้เขาอยู่กับตัวเอง เบนนั่งคุกเข่ามองคนที่ดูแปลกไปอย่างสิ้นเชิง แล้วหัวใจของเขามันก็เจ็บปวดตามขึ้นมาจนยากจะปฎิเสธ มันบีบแน่นราวกับโดนขยำอย่างแรง ทั้งยังอึดอัดจากกำแพงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาเกือบมองเฮนรี่ไม่เห็นแล้ว ทว่าสัมผัสร้อนๆ จากฝ่ามือของคนตัวเตี้ยกว่ากลับส่งผ่านมาถึงเขา เบนรับรู้มันได้อย่างชัดเจน

“อย่าทิ้งฉันไปได้มั้ย” เฮนรี่ถามเชิงขอร้อง “อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกได้มั้ย เบน ขอโทษที่ฉันเห็นแก่ตัว”

“…”

“ฉันอยากอยู่กับเบนจากใจจริง ฉันรักเบนด้วยใจจริง ขอโทษที่สุดท้ายฉันก็เอามันมาผูกมัดเบนจนได้”

 

กว่าเฮนรี่จะหลับก็ใช้เวลานานทีเดียว เบนค่อยๆ แกะมือเล็กกว่าออกแล้ววางมันลงบนเตียง ลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำ ก่อนกลับออกมาพร้อมอ่างใบเล็กซึ่งบรรจุน้ำไว้ครึ่งหนึ่ง ผ้าขนหนูผืนพอดีมือ จากนั้นก็เดินตรงไปวางอ่างลงข้างเตียง เอาผ้าจุ่มน้ำขึ้นมาบิดพอหมาดแล้วเช็ดตัวให้คนที่ไม่ยอมเอาท่อนแขนซึ่งกำลังปิดตาอยู่นั้นออกเสียที

เมื่อเช็ดตัวให้เฮนรี่เสร็จแล้วเบนก็ลุกขึ้นไปจับท่อนแขนของเฮนรี่ออกวางข้างตัวเจ้าของของมัน มองใบหน้าซึ่งเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากเองก็ไม่ต่างกัน มันปิดสนิท แผ่นอกของเฮนรี่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ทว่าคิ้วกลับขมวดมุ่นอยู่สองสามครั้งแล้วคลายออก

เบนเลื่อนมือไปกุมแก้มของเฮนรี่ที่ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ ไล้นิ้วโป้งขึ้นลงเบาๆ ด้วยกลัวทำอีกคนตื่น แล้วคำพูดเมื่อก่อนหน้าของเฮนรี่ก็ลอยกลับเข้ามาในหัว น้ำเสียงและท่าทีของเฮนรี่เองก็ฉายซ้ำอีกครั้งเช่นกัน เบนพยายามเลิกคิดถึงมันแต่กลับทำไม่ได้ เขามองเฮนรี่ด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เห็นจะเข้าใจว่าทำไมเฮนรี่ถึงได้สนใจเขาขนาดนี้ ทำไมเฮนรี่ถึงไม่ไปเลือกคนที่ดีกว่า มีทุกอย่างพร้อมกว่า และใสสะอาดกว่าเขา ทำไมถึงได้คอยกอด ปกป้อง และพยุงเขาไว้ไม่ยอมปล่อยอยู่เสมอ

ถ้าพูดกันตามสัตย์จริงเบนเองก็ไม่ได้อยากให้เฮนรี่เลิกพยุงเขาหรอก แต่เขาอยากให้เฮนรี่พยุงเขาในสถานภาพอื่นที่ไม่ใช่คนรัก เบนไม่ปฏิเสธว่าเขารู้สึกดีที่มีเฮนรี่อยู่ด้วย แต่เมื่อมองตามความเป็นจริงแล้วมันไม่อาจเป็นไปได้ เขาและเฮนรี่ไม่อาจจับมือก้าวไปด้วยกันได้อย่างที่อีกฝ่ายนึกฝัน ต่อให้เฮนรี่จะพยายามใช้ความทรงจำที่ดีมาลบล้างความทรงจำเลวร้ายของเขายังไง มันก็ไม่อาจลบเลือนไปได้ถาวร ในส่วนลึกของเขามันยังคงกลัวและหวาดระแวงเฮนรี่อยู่ดี

เบนยังจำคำพูดของตัวเองได้ เขาเคยพร่ำบอกตัวเองมาตลอดว่าเฮนรี่คือฝันร้ายที่สุดในชีวิต เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่ทำให้เขาเหมือนตายทั้งเป็น แต่ในขณะเดียวกันเฮนรี่ก็เหมือนคนที่มาจุดประกายความรู้สึกเล็กๆ ที่ทำให้เขาค้นพบว่าตัวตนที่เขาเลือกแสดงออกมาตลอดมันไม่ใช่ตัวตนที่เขาอยากได้แม้แต่น้อย เฮนรี่เหมือนเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร และหลงเดินทางผิดมานานแค่ไหน ความขัดแย้งทั้งสองนี้มันอยู่ในตัวคนคนเดียว ทั้งน่าขำและน่าเศร้าเลยว่ามั้ย

ถ้าหากตัดเรื่องอดีตทิ้งไป เบนก็ยังไม่อาจรักเฮนรี่ได้อยู่ดี เพราะเฮนรี่คือผู้มีพระคุณของเขา เป็นคนที่มอบชีวิตใหม่ให้เขาก็ว่าได้ เบนยังจำวันที่เขาจะไปฆ่าตัวตายบนหอคอยได้ ในจังหวะที่กำลังจะกระโดดลงไปนั้นเสียงของเฮนรี่ก็ดังมารั้งสองขาของเขาไว้ ไหนจะเรื่องที่เฮนรี่ไปช่วยชีวิตเขาอีกครั้งตอนเขาโดนจับตัวไป แล้วยอมปลดปล่อยให้เขาเป็นอิสระเพียงเพื่อให้เขายังอยู่กับเจ้าตัว นี่เป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าเพราะอีกฝ่ายนี่แหละถึงทำให้เขารู้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาเองก็มีค่ากับใครบางคนเช่นกัน

เพียงแค่ไม่มีเขาอยู่ คนเพียงคนเดียวถึงกับออกตามหาและทำทุกวิถีทางให้ได้เขาคืนกลับไป

“ผมควรทำยังไงดี” เบนหันไปถามเฮนรี่ที่หลับไม่รู้เรื่อง “ผมควรรู้สึกต่อคุณอย่างไรครับ เฮนรี่”

 

เฮนรี่ได้รับการดูแลจากเบนเป็นอย่างดีจนเขาหายเป็นปกติในเร็ววัน ช่วงที่เบนคอยดูแลเขา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีเรื่องอะไรหนักใจให้คิดเยอะทีเดียว พอเขาลองถามออกไปก็ได้รับแต่คำตอบเดิมๆ ว่าไม่มีอะไร เฮนรี่ย่อมสงสัยอยู่แล้วว่าถ้ามันเป็นเช่นที่เบนพูดจริง ทำไมเจ้าตัวถึงได้มีท่าทีอมทุกข์ขนาดนั้น แม้จะแสร้งฝืนยิ้มแต่แววตาของเบนไม่สามารถโกหกเขาได้หรอก

วันนี้เฮนรี่ไม่ได้ไปทำงานที่บริษัทเพราะขี้เกียจ โอเค…มันดูไม่เหมาะสม แต่เขาก็แค่อยากอยู่กับคนที่รักให้ชื่นใจนี่ หยวนๆ ให้หน่อยเถอะน่า

เฮนรี่เดินไปยังร้านขายดอกไม้ของเบนพร้อมผิวปากไปด้วย แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่แปลกไปจากทางหางตา เฮนรี่หันไปมองสวนของเบนช้าๆ แล้วพบว่ามันโดนพังเละไม่เป็นท่า แปลงดอกไม้นานาพันธุ์โดนขุดขึ้นมาทั้งราก กระจัดกระจายไปทั่วทั้งสวน บางดอกก็โดนเหยียบย่ำจนเละ ต้นไม้เองก็โดนหักโค่น ไม่ก็มีรอยฟันเลื่อยให้เห็นอยู่ตรงกลางลำต้น ร่างกายของเขาถึงกับร้อนระอุเหมือนเดินอยู่ในเปลวไฟ ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นทันควัน ลมหายใจสั่นระริกไปด้วยความโกรธ เฮนรี่พยายามคิดอยู่ว่านี่เป็นฝีมือของใคร แต่พอพิจารณาจากสภาพแวดล้อมรอบตัวแล้วเขาก็พบว่าละแวกบ้านของเบนไม่มีใครคิดร้ายกับเบนเลย ถ้าจะมีก็คงเป็นคนจากที่อื่นและเขาก็รู้ด้วยว่าคนคนนั้นคือใคร

เฮนรี่พยายามสงบอารมณ์ลงเมื่อเขายังไม่มีหลักฐานใช้มัดตัวคนร้ายพอ เมื่ออุณหภูมิในร่างกายกลับไปเป็นปกติแล้วเขาก็เดินไปยังร้านของเบน

เฮนรี่หยุดยืนอยู่หน้าร้านพักใหญ่เพื่อทำตัวให้ดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็เปิดประตูร้านเข้าไป เสียงกระดิ่งที่เขาซื้อมาติดไว้ดังให้ได้ยินเบาๆ เบนสะดุ้งยกสองมือขึ้นเช็ดหน้าแล้วหันมายิ้มให้เขา พอเฮนรี่ได้เห็นใบหน้าของเบนชัดๆ เขาก็แทบจะพุ่งไปจัดการคนที่เขาคิดว่าเป็นตัวการทำให้สวนของเบนพังเละไม่เป็นท่าทันที บนใบหน้าของอีกฝ่ายเลอะไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาแรมปี จมูกและปากก็แดงเช่นกัน เฮนรี่คิดว่าเบนคงทั้งเครียดและคิดมากเรื่องสวนดอกไม้จนทำอะไรไม่ถูกเลยเลือกการร้องไห้เป็นที่ระบาย เขาเข้าใจความรู้สึกพ่ายแพ้จนต้องหลั่งน้ำตานั้นเป็นอย่างดี

“ไม่ไปทำงานที่บริษัทเหรอครับ” เสียงของเบนว่างโหวง เฮนรี่พยายามฉีกยิ้มให้แล้วส่ายหน้าไปมา “คุณอาการดีขึ้นแล้วแต่ไม่ยอมไปทำงานแบบนี้ระวังโดนดุนะครับ”

“ก็ลองดุดู” เฮนรี่ตอบน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไร “ช่างมันเถอะ ฉันอยากอยู่กับเบนมากกว่า มาให้กอดหน่อยสิ”

เบนพยายามจะหัวเราะแต่มันกลับไม่ยอมออกมาตามที่ปรารถนา ริมฝีปากแดงๆ นั่นคว่ำตกและสั่นไม่น้อย เบนดวงตาไหววูบก่อนกลับไปเป็นดังเดิม จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาได้ในที่สุด ทว่าเฮนรี่ไม่สัมผัสได้ถึงความสดใสเลยแม้แต่น้อย เขาพอจะรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

“พอดีผมเพิ่งไปเก็บดอกไม้มาเมื่อเช้าตรู่เลยตัวเปื้อนดินไปหมด ถ้าคุณมากอดผมคุณต้องตัวเปื้อนตามไปด้วยแน่นอนครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าเปื้อนก็แค่ไปอาบน้ำใหม่ฉันไม่ถือหรอก”

“เสื้อผ้าราคาแพงของคุณ” เบนเงียบเหมือนเสียงโดนดูดออกไปกะทันหัน นัยน์ตาสั่นเครือนั่นหลบสายตาเขา แต่แค่แปบเดียวก็กลับมาสบด้วยดังเดิมในท่าทีปกติ “เอาไว้ผมอาบน้ำแล้วค่อยมากอดนะครับ”

เฮนรี่ยอม เขาโกรธตัวเองมากที่ไม่รู้จะช่วยให้เบนคลายจากความเศร้าและความทุกข์ที่มียังไง ทั้งที่รับปากไว้แล้วว่าจะปกป้อง ดูแล และทำให้มีความสุขที่สุด แต่สิ่งที่เขาทำได้มีแค่สร้างรอยน้ำตาและความบอบช้ำให้กับเบนเพียงเท่านั้น หรือเฮนรี่ไม่ควรตามหาเบนแต่แรก หรือเขาควรจะปล่อยมือของเบนไปอย่างเดิม ทว่าเพียงแค่คิด…หัวใจมันก็ปวดร้าวไปหมด เขาไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตที่ขาดแสงสว่างแบบนั้นอีกแล้ว ชีวิตที่ไม่มีเบนน่ะ เขาไม่เอาด้วยหรอก

“เฮนรี่เป็นอะไรไปครับ สีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่เลย”

“อ๋อ เอ่อ เปล่า” เฮนรี่ตอบตะกุกตะกัก “แล้วนี่วันนี้มีลูกค้ามาซื้อดอกไม้บ้างหรือยัง”

“ครับ มีมาประมาณหกเจ็ดคนได้น่ะครับ เห็นว่าให้ผมเอาไปส่งที่สถานีรถไฟตอนเย็น”

“ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย” เบนส่ายหน้าไปมาพร้อมมอบยิ้มกว้าง “โอเค ตามใจนายแล้วกัน”

“ผมแค่ยังไม่อยากให้คนเพิ่งหายป่วยไปตากน้ำค้างในเมืองน่ะครับ” เบนตอบเสียงรู้สึกผิด

เฮนรี่หัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานของเบน “ฉันเข้าใจ ไม่เป็นไร เด็กดีของฉัน”

 

หลังจากเบนเดินออกจากร้านไปได้ไม่นานเฮนรี่แอบสะกดรอยตามไป เขาพยายามซ่อนตัวเมื่อเห็นเบนหันกลับหลังมามองอยู่บ่อยครั้งก่อนจะเดินต่อเมื่อไม่พบอะไร เฮนรี่เดินสะกดรอยตามเบนไปจนถึงสถานที่นัด ตรงหน้าสถานีมีผู้ชายจำนวนประมาณหกถึงเจ็ดคนในชุดเสื้อคลุมลินินสีดำยืนอยู่ เบนยื่นช่อดอกไม้ให้คนพวกนั้น พวกเขารับพวกมันไปถือก่อนพากันทยอยจ่ายเงินค่าดอกไม้ และพอเบนรับเงินเสร็จก็ควรได้เวลากลับบ้านถ้านั่นเป็นการซื้อขายตามปกติ แต่นี่มันไม่ใช่อย่างสิ้นเชิง

เฮนรี่มองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เริ่มผิดปกติเมื่อชายคนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มทิ้งช่อดอกไม้ลงพื้นหลังจากจ่ายเงินให้เบนแล้ว จากนั้นก็กระทืบและบดขยี้ดอกไม้ต่อหน้าต่อตาเบนซึ่งชะงักและยืนนิ่งไป แล้วพวกของมันที่เหลือก็พากันทำตามก่อนหัวเราะร่าอย่างเย้ยหยัน เฮนรี่เห็นเบนกำหมัดแน่น ก้มหน้าลงชิดอก ก่อนโดนพวกมันมายืนล้อมเอาไว้เป็นวงกลม พวกที่รังแกเบนก้มลงกำดอกไม้จากบนพื้นขึ้นมาปาใส่เบน และนี่มันทำเฮนรี่เดือด แต่ดูเหมือนว่าคนที่เดือดกว่าจะเป็นเจ้าของร้านดอกไม้

เบนชกเข้าให้ที่สันกรามด้านขวาของชายคนด้านหลังแล้วต้องเบ้หน้าพร้อมสะบัดมือด้วยความเจ็บ เฮนรี่รู้ว่าเวลาคนที่ไม่เคยต่อยใครมาก่อนมาลองต่อยครั้งแรกจะมีอาการแบบนี้แทบทุกคน แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่ประเด็น เบนพยายามซัดพวกที่มาหาเรื่องตัวเองให้หลาบจำ สายตาอีกฝ่ายดุดันน่ากลัวในแบบที่เฮนรี่ไม่เคยเห็น แล้วการตะลุมบอนระหว่างคนประมาณเจ็ดคนก็เกิดขึ้น

การทะเลาะวิวาทตรงหน้าทำให้เฮนรี่มองเห็นเบนไม่ชัดนัก เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเบนที่อยู่ไกลออกไปเกือบยี่สิบฟุตจะเป็นยังไงบ้าง และเพราะไม่รู้นี่แหละเขาถึงได้เดินตรงเข้าไปหากลุ่มคนตรงหน้า แล้วต้องหยุดเมื่อเสียงเป่านกหวีดดังให้ได้ยิน กลุ่มคนทั้งหมดพากันแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เฮนรี่หันมองหาเบนแต่อีกฝ่ายกลับกลืนหายไปกับฝูงชนเสียแล้ว

เฮนรี่ตัดสินใจกลับบ้านเมื่อตามหาเบนไปทั่วทั้งลอนดอนแล้วไม่พบ เขากะว่าถ้ากลับไปดูที่บ้านแล้วยังไม่เห็นเบนจะกลับไปที่ปราสาทแล้วสั่งคนให้ออกตามหาเบนใหม่อีกครั้ง และเขาจะต้องตามหาเบนให้เจอเหมือนที่เคยทำมาแล้วให้ได้ แต่พอกลับมาถึงบ้านเขาก็พบว่าเบนนั่งอยู่ที่ห้องครัว อีกฝ่ายนั่งอยู่ใต้หลอดไฟซึ่งห้อยอยู่ด้านบน สภาพสะบักสะบอมยับเยิน สองมือของเบนยกขึ้นกุมกันอยู่ตรงหน้าผากราวกับกำลังขอพรต่อพระเจ้า ใบหน้าเจ้าของร้านดอกไม้ซบลงกับท่อนแขนตัวเอง ตัวสั่นฮึกฮัก

เฮนรี่หยุดเดินอัตโนมัติ เขาอยากเข้าไปปลอบเบนแต่ไม่รู้ทำไมขาถึงก้าวต่อไม่ได้ เหมือนว่ามันมีกำแพงล่องหนตั้งขวางเอาไว้ เฮนรี่พยายามฝ่ามันเข้าไปให้ถึงเบนแต่กลับโดนผลักออกมาเสมอ เขายืนมองคนตัวสูงกว่าที่บีบมือเข้าหากันแน่น เบนคงทั้งเสียใจและเศร้ามากกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และที่เบนต้องกลายมาเป็นแบบนี้อีกก็เพราะการกลับมาของเขา เพราะการมีอยู่ของเขา เพราะเขาเอง

เฮนรี่ทรุดตัวลงนั่งทับขาตัวเองอย่างหมดแรง ใช้สองมือท้าวพื้นไว้กันล้ม ก้มหน้าลง ลมหายใจสั่นสะท้าน เขากัดฟันแน่นจนปวดไปทั้งกราม ก่อนจะกำมือเข้าหากันจนเป็นหมัด มันเกร็งจนเห็นข้อนิ้วชัดเจน เฮนรี่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเบน ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่อย่างกับคลื่นทะเลยามปั่นป่วน

‘เขามีชีวิตที่สุขสบายแล้ว’

คำพูดของแมตต์ลอยกลับเข้ามาในหัว มันยิ่งตอกย้ำในความผิดของเฮนรี่ให้เพิ่มขึ้นสูงอีก เขากำหมัดจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ ความรู้สึกเจ็บที่มีมันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจเลย ตอนนี้เฮนรี่ไม่รู้แล้วว่าเขาควรทำอย่างไร ใจหนึ่งก็อยากให้เบนมีความสุข แต่นั่นหมายความว่าเขาต้องปล่อยเบนไป ส่วนอีกใจมันร้องประท้วงว่าอยากอยู่กับเบน และนั่นหมายความว่าเขาต้องทนเห็นเบนมีสภาพทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้เหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เฮนรี่ซบหน้าลงกับพื้น หลับตาแน่น พยายามซ่อนเสียงสะอื้นทั้งหมดเอาไว้ในลำคอ

“เบน” เขาเอื้อนเอ่ยชื่อของคนตัวสูงกว่าออกมาอย่างยากลำบาก “ฉันขอโทษ”

 

นานทีเดียวเฮนรี่จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตรงไปหาเบนที่ยังอยู่ในท่าเดิม เขาไม่สนหรอกว่าตอนนี้เบนจะหันมาเห็นเขาในสภาพน่าอายแค่ไหน เขารู้แค่ว่าเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงจะทำหรือคิดอะไรต่อไปอีกแล้ว

สิ่งที่เฮนรี่อยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือการกอดคนตัวสูงกว่าเอาไว้ กอดไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ กอดไว้จนตัวของเราแทบหลอมรวมเข้าด้วยกัน กอดให้เบนรู้ว่าเขารักเจ้าตัวมากแค่ไหน

เฮนรี่เดินไปซบลงบนแผ่นหลังที่สั่นไม่หยุด คนตัวสูงกว่าสะดุ้งโหยง ยกสองมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า แล้วจากนั้นก็บีบมือตัวเองแน่น พยายามควบคุมเสียงไม่ให้ฟังดูมีพิรุธซึ่งมันไม่เป็นตามที่อีกฝ่ายอยากได้เลยสักนิด

“ผมนึกว่าคุณหลับไปแล้ว”

“พอดีไม่มีใครให้กอดเลยนอนไม่ค่อยหลับ” เฮนรี่สวมกอดเบนเข้าเต็มรัก “ฉันคิดถึงเบนน่ะ”

“ผมเพิ่งทำงานกลับมา ตัวเหม็นเหงื่อจะตายครับ เดี๋ยวกลิ่นก็ติดตัวคุณไปด้วยหรอกเฮนรี่”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่ได้กอดเบนก็พอใจแล้ว” เฮนรี่หลับตาลงฟังเสียงหัวใจของคนด้านหน้า เขาพยายามจับจังหวะของมันว่าจะเหมือนกับของเขาหรือเปล่า “แค่ได้อยู่กับเบน แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็พอ”

เบนดูชะงักไป จกนั้นก็ฝืนหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเงียบเสียงลง เฮนรี่กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก แน่นจนเบนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากเขา ทั้งที่เฮนรี่ไม่มั่นใจสักนิดว่ามันจะช่วยอะไรเบนได้ ฉันมันแย่ที่สุด

“กินอะไรมาหรือยัง”

“ครับ เมื่อกี้นี้เอง”

เฮนรี่รู้ว่าเบนโกหกแต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง เบนคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างถึงไม่ยอมบอกความจริงกับเขา อาจเพราะกลัวว่าถ้าบอกมาแล้วเขาจะอารมณ์ร้อนออกไปไล่ฆ่าคนพวกนั้น หรือไม่ก็กลัวว่าถ้าบอกแล้วจะทำให้เขาเป็นห่วงก็เป็นได้

“งั้นไปอาบน้ำนอนกันเถอะ พรุ่งนี้นายต้องไปจัดดอกไม้ให้คุณจอห์นสันเหมือนทุกวันไม่ใช่เหรอไง”

“ครับ” เบนตอบแต่ไม่ยอมขยับตัวไปไหน ก่อนเอื้อมมือลงมากุมมือของเขาไว้อย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก “เฮนรี่ปล่อยตัวผมสิ ผมจะได้ไปอาบน้ำ”

เฮนรี่ยอมผละตัวออกแต่โดยดี เขาถอยห่างออกมาแต่ยังไม่ทันจะได้ยืนดีๆ เบนก็หันมาโถมตัวเข้ากอดเอวเขาไว้แน่น กำเสื้อด้านหลังของเขาจนดูเหมือนเบนกำลังจะฉีกกระชากมันให้ขาดเป็นเศษผ้า เบนซุกหน้าลงกับอกของเขา เฮนรี่ได้ยินเสียงกัดฟันจากคนตรงหน้า เสียงสะอื้นที่โดนสะกดกลั้นเอาไว้ เสียงลมหายใจที่คลอมากับหยาดน้ำตาแสนทรมาน เฮนรี่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยโดนเบนทำแบบนี้ใส่มาก่อน นานทีเดียวถึงตั้งสติได้ เขายกสองมือขึ้นกุมเรือนผมสีเข้มไว้อย่างเบามือ และเมื่อบรรยากาศระหว่างเรายังคงมีแต่ความเงียบ เฮนรี่จึงอาสาพูดขึ้นทำลายมันลงเอง

“ฉันรู้สึกเหมือนคนเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้”

“ทำไม” เบนถามทั้งเสียงสะอื้น “ทำไมถึงต้องเป็นผม”

เฮนรี่เงียบ เขาพยายามไตร่ตรองเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นเบน แต่ความรู้สึกของเขาก็ไม่บอกอะไรมากไปกว่าคำว่าเบน เฮนรี่ลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างใจลอย ทว่าตอบกลับคนใคร่รู้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่รู้สิ ฉันรู้แค่ว่าโลกของฉันตั้งแต่ที่มีเบนเข้ามามันเปลี่ยนไป จากคนที่มองตัวเองเป็นพระเจ้ามาตลอด เติบโตมาเพียงลำพังและสร้างแต่ความเกลียดชังไปทั่วมันกลับมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างแทบทุกเวลา แม้จะทำไม่ดีด้วยเอาไว้มากแต่ก็ไม่เคยบ่นอะไร กลับยอมรับมันและก้มหน้าก้มตาทนเพราะคำว่าคำสั่งเพียงคำเดียว และคิดจะออกไปง่ายๆ โดยไม่เอาเรื่องถ้าหากฉันยอมให้อิสระ”

“…”

“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มตอนไหน แต่ที่แน่ๆ เขาทำให้ฉันรู้ว่าชีวิตที่เคว้งคว้างไร้ทางไปของฉันควรอยู่ต่อไปเพื่อดูแลและปกป้องเขา ทำให้เขามีความสุขและมอบรอยยิ้มแสนสดใสให้แค่เพียงฉันคนเดียว เขากลายมาเป็นโลกทั้งใบ โลกที่เต็มไปด้วยความสดใสราวกับในที่สุดแสงตะวันก็ส่องมาถึงฉันจริงๆ เสียที”

เฮนรี่คลี่ยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาหยุดลูบผมแล้วเปลี่ยนเป็นกดหัวของเบนเอาไว้แทน

“ถ้าให้ตอบว่าทำไมถึงต้องเป็นนายคำตอบก็คงเป็นเพราะว่าเบนคือโลกทั้งใบของฉัน”

เบนหยุดร้องไห้แล้วแต่ไม่ได้ผละตัวออก เฮนรี่พยายามจะผละตัวเองออกมาก้มมองเด็กดีของเขาแต่เบนกลับลุกพรวด เดินก้มหน้าขึ้นชั้นบนไป เฮนรี่ได้แต่มองตาปริบๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

 

TBC
29/06/2016
“ฉันอยากอยู่กับเบนจากใจจริง ฉันรักเบนด้วยใจจริง ขอโทษที่สุดท้ายฉันก็เอามันมาผูกมัดเบนจนได้” << เผื่อใครงงท่อนนี้นะคะ (แบบว่ากวาหายไปนาน //น้อมรับการโดนลงทัณฑ์) อ้างอิงจากตอนที่ 5 ที่เฮนรี่บอกกับเบนว่าจะไม่บอกรักเบนเพราะอยากให้เบนมีอิสระค่ะ
วนกลับมาดราม่าอีกและ นี่ฟิคไบโพลาร์ค่ะ 5555 /โดนตบ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจค่ะ

4 thoughts on “[HENRY C. x BEN A.] My Sadness [7]

  1. ไม่รู้จะพิมอะไร…คือมันหดหู่มันหวานมันอ้อยมันหลากหลายอารมณ์ อ้ากกก//สติแตก
    แต่รวมๆแล้วคือฟินมากค่ะ(เรียบเรียงสมองอยู่) Y///Y ที่หนีขึ้นบนนี่เขิลใช่มั้ยเบนนนน เค้ารู้น่าา >w<'

    Liked by 1 person

  2. โอยยย ตอนนี้คือแบบหลายอารมณ์ตีกันมั่วซั่วมากเลยค่ะ อิบทจะดราม่าก็มี ส่วนอิบทจะเขินกะเฮนรี่ก็มา โอ้ยยย ไม่ไหวแล้วค่าาา ตอนแรกเป็นพวกไม่ชอบฟิคดราม่า แต่พอมาเจอฟิคนี้ พยายามหาเสพอีกเป็นเบือเลยค่ะ 5555

    Liked by 1 person

ใส่ความเห็น